เปิดตัวคอลัมน์ 'Underdog's Corner' โดย สฤณี อาชวานันทกุล
.
=== The Medium : เมื่อความจริงน่ากลัวกว่าจินตนาการ ===
.
ในบรรดาแนวเกมทั้งหลาย เกมสยองขวัญสั่นประสาทเป็นแนวฮอตฮิตติดอันดับที่โกยทั้งเงินทั้งกล่อง(รางวัล)ไปมากมายตลอดหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะซีรีส์ดังค้างฟ้าอย่าง Resident Evil และ Silent Hill จากสตูดิโอแดนอาทิตย์อุทัยทั้งคู่
.
‘ความกลัว’ ชนิดขนหัวลุกระคนตึงเครียดในเกมสยองขวัญขั้นเทพนั้น ยุคแรกเริ่มอย่าง Silent Hill ภาคแรกๆ อาศัยการสร้าง ‘บรรยากาศ’ และ ‘เนื้อเรื่องเร้นลับ’ ชวนขนหัวลุก บรรยากาศทั้งกราฟิก มุมกล้อง ดนตรีประกอบ รวมกันสร้างความรู้สึกประหวั่นพรั่นพรึงที่เราไม่รู้ว่าอะไรรออยู่ตรงมุมห้องหรืออีกด้านของประตู แต่เมื่อเวลาผ่านไป เกมสยองขวัญที่สร้างความกลัวจากบรรยากาศและเนื้อเรื่องเป็นหลักดูจะหลีกทางมากขึ้นเรื่อยๆ ให้กับเกมสยองขวัญที่เน้น ‘ผีตุ้งแช่’ (ปีศาจพุ่งออกมาจากไหนไม่รู้ให้เราตกใจ) การออกแบบปีศาจที่ดูน่าขยะแขยงสยดสยอง และแอ็กชั่นตื่นเต้นเร้าใจ มากกว่าจะเน้นเนื้อเรื่องและบรรยากาศ
.
ดังนั้น การมาถึงของ The Medium เกมจาก Blooper Team สตูดิโออินดี้จากคราคาว เมืองหลวงเก่าของโปแลนด์ จึงเปรียบเสมือนลมพัดผ่านหน้าจอ ชวนให้คิดถึงบรรยากาศเก่าๆ ของ Silent Hill ภาคแรกๆ แต่ยกระดับกราฟิก เทคนิคการถ่ายทำ รวมถึงนำเสนอกลไกใหม่ๆ ที่ใช้ในการแก้ปริศนาและรักษาบรรยากาศ
.
The Medium ให้เราเล่นเป็น แมรีแอน เด็กกำพร้าที่เติบโตในร้านจัดงานศพแห่งหนึ่งในโปแลนด์ ทศวรรษ 1990 หลังจากที่ประเทศเปลี่ยนผ่านจากระบอบคอมมิวนิสต์ไม่นาน เธอมีสัมผัสพิเศษเหมือนร่างทรง (ชื่อเกมนี้แปลว่า ‘ร่างทรง’) ไม่เพียงแต่มองเห็นวิญญาณของคนตายเท่านั้น แต่ยังมองเห็น ‘โลกจิตวิญญาณ’ ของคนตายที่ดำรงอยู่คู่ขนานกับโลกของคนเป็นด้วย ความสามารถพิเศษของแมรีแอนช่วยให้ดวงวิญญาณเดินทางเข้าสู่สุขคติ ซึ่งนั่นแปลว่าก่อนอื่นเธอต้องรู้จัก “ชื่อจริง” ของวิญญาณสมัยที่ยังมีชีวิตอยู่
.
เกมเปิดฉากในคืนที่เรา (แมรีแอน) ต้องแต่งตัวศพของพ่อเลี้ยงที่อุปถัมภ์เราแต่เล็ก ซึ่งสติสตังเราไม่ค่อยอยู่กับเนื้อตัวเพราะฝันร้ายแทบทุกคืน ในฝันเราเห็นผู้ชายปริศนายกปืนขึ้นมายิงเด็กหญิงปริศนาริมทะเลสาบ คืนนั้นเราได้รับโทรศัพท์ลึกลับจากชายชื่อ ธอมัส ที่พูดสั้นๆ ว่า เขารู้ดีว่าเรามีสัมผัสที่หก มีคำตอบทั้งเรื่องความฝันและต้นตอของความสามารถในฐานะร่างทรง แต่เราต้องเดินทางไปเจอเขาที่ “นิวา” และเร่งเร้าให้เรารีบมาเพราะ “เวลากำลังจะหมดลงแล้ว” จากนั้นสายก็ตัดไปดื้อๆ
.
เมื่อเราไปถึงก็พบว่า นิวา คือชื่อของรีสอร์ตสำหรับแรงงานสมัยสงครามเย็น สมัยที่โปแลนด์ยังเป็นคอมมิวนิสต์ แต่วันนี้เป็นเพียงซากปรักหักพัง มันถูกรัฐบาลสั่งปิดถาวรหลังจากที่เกิดการฆาตกรรมหมู่ขึ้นที่นี่ ธอมัสไม่อยู่เจอเรา แต่สิ่งที่มาทักทายเรากลับเป็นวิญญาณของเด็กผู้หญิงชื่อ ‘ความเศร้า’ (Sadness) ที่ยังวนเวียนอยู่ที่นี่ และมีความทรงจำแหว่งวิ่นเกี่ยวกับยามที่เธอยังหายใจ เธอบอกกับเราว่าเธออาจจะรู้จักธอมัส และคิดว่าจะพาเราไปพบกับเขาได้ แต่เราคุยได้ไม่นานความเศร้าก็หายตัวไป เราพบว่าตัวเองตกเป็นเป้าของปีศาจฝันร้ายที่โผล่มาจากโลกวิญญาณ กระหายอยากกลืนกินตัวเราเพื่อดูดซับพลังพิเศษ
.
The Medium ถ่ายทอดเรื่องราวจากสายตาบุคคลที่สาม รูปแบบเป็นเกมผจญภัยแก้ปริศนามากกว่าเกมแอ๊กชั่น เพราะฉากแอ๊กชั่นอย่างเช่นการกลั้นหายใจและค่อยๆ ย่องหลบปีศาจหรือวิ่งหนีนั้นเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก เราจะใช้เวลาส่วนใหญ่สำรวจซอกหลืบของรีสอร์ตนิวา เก็บของมีประโยชน์เอาไว้แก้ปริศนาง่ายๆ เช่น เก็บคีมในโลกจริงไปตัดโซ่เหล็กคล้องประตู เก็บหน้ากากในโลกวิญญาณเอาไปปลดปล่อยวิญญาณเป็นอิสระ เป็นต้น ระหว่างทางเราจะได้เผชิญหน้ากับเรื่องราวลึกลับดำมืดที่เกิดขึ้นในรีสอร์ตแห่งนี้ เรื่องราวที่เกี่ยวพันกับตัวเราและธอมัสชนิดที่เราเองก็คาดไม่ถึง ความสามารถพิเศษสองอย่างของเราคือการ ‘อ่าน’ ความทรงจำในอดีตที่ฝังอยู่ในสิ่งของต่างๆ และการปะติดปะต่อเศษเสี้ยวของเหตุการณ์ในอดีตจากโลกวิญญาณ ความทรงจำและเหตุการณ์เหล่านี้เป็นกลวิธีหลักของเกมในการขยับเส้นเรื่องไปข้างหน้า
.
ปริศนาแนวเกมผจญภัยใน The Medium ไม่มีอะไรยากเย็น แถมพลังอย่างหนึ่งของเราคือการ ‘เพ่ง’ ให้มองเห็นปุ่มที่ซ่อนไว้หรือสิ่งของที่สำรวจอย่างใกล้ชิดได้ ทำให้การเล่นเกมนี้ค่อนข้างราบรื่นไม่ติดขัด ปริศนาที่ยากกว่าการใช้ข้าวของคือเวลาที่ต้องใช้ระบบ “แบ่งจอ” ในเกม ซึ่งเกิดขึ้นเป็นระยะๆ ในเกม หลายครั้งที่เราหรือแมรีแอนมองเห็นโลกจิตวิญญาณ จอเกมก็จะแบ่งครึ่งเป็นสองส่วนทันที บางครั้งก็ ซ้าย-ขวา บางคราวก็บน-ล่าง ฉากเดียวกันในโลกวิญญาณจะเต็มไปด้วยความเสื่อมโทรมสั่นประสาท กองหัวกะโหลกและกระดูกระเกะระกะ กองหินร่างคนไร้วิญญาณ หน้าตาบิดเบี้ยวเหยเกแออัดแน่นกำแพง ไร้ซึ่งสิ่งเคลื่อนไหวใดๆ ยกเว้นปีศาจและฝูงมอธหรือผีเสื้อกลางคืน
เราสามารถ ‘ถอดจิต’ ไปควบคุมเฉพาะอวตารของเราในโลกวิญญาณชั่วคราว ซึ่งการทำแบบนี้ก็จำเป็นต่อการแก้ปริศนาในเกม เช่น บางจุดเราไปต่อไม่ได้ในโลกจริง แต่เดินต่อได้ในโลกวิญญาณ ต้องถอดจิตเดินหาทางปลดล็อกให้โลกจริง หรือบางทีในโลกจริงเราจะเจอว่าลิฟต์/ประตู/แผงควบคุมไม่มีไฟฟ้า ทำให้ใช้การไม่ได้ ต้องถอดจิตเดินหาจุดพลังวิญญาณเพื่อ ‘ดูด’ พลังนั้นกลับมายิงชาร์จกล่องสัญญาณ เพื่อให้ไฟฟ้ากลับมาใช้ได้ในโลกจริง
จุดหนึ่งที่ The Medium ทำได้ดีมากคือ การดึงดูดผู้เล่นให้รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของโลกในเกมได้เต็มที่โดยไม่มี UI ใดๆ มาขัดจังหวะหรือทำลายบรรยากาศ ยกตัวอย่างเช่น ระดับ ‘พลัง’ ของเราในโลกวิญญาณ (ใช้ชาร์จกล่องสัญญาณ สร้างบาเรียป้องกันฝูงม็อธ และปล่อยพลังใส่หน้าปีศาจเพื่อเอาตัวรอดยามคับขัน) แสดงเป็นแถบริ้วบนแขนอวตารในโลกวิญญาณ แถบริ้วนี้จะเรืองแสงเมื่อใดที่เรามีพลังเต็มเปี่ยม เมื่อพลังหมดแถบนี้ก็จะหมดแสงลง นอกจากนี้ เวลาที่เราถอดจิตออกจากร่าง ควบคุมอวตารในโลกวิญญาณเต็มจอ ร่างอวตารของเราจะค่อยๆ เลือนหายไปเพราะถอดจิตจากกายหยาบไม่ได้นาน เมื่อร่างอวตารเราเลือนรางลงมากๆ จนเกือบจะหายไปแล้ว เมื่อนั้นก็เป็นสัญญาณให้เรารีบดึงจิตกลับสู่กายหยาบก่อนที่จะขาดลมหายใจ ต้องโหลดเซฟ (เซฟในเกมทำเองไม่ได้ เกมเซฟอัตโนมัติให้) มาเริ่มต้นใหม่
“มุมกล้องคงที่” (fixed camera) ที่อาจดูล้าหลังในช่วงแรก (เพราะเกมสยองขวัญทั่วไปสมัยนี้มุมกล้องวิ่งตามคนเล่นแล้ว) กลับกลายเป็นกลไกสำคัญของเกม ตั้งแต่การจำกัดมุมมองของเราจะได้โฟกัสเฉพาะส่วนที่สำคัญในห้อง ไปจนถึงการจัดวางมุมกล้องเพื่อค่อยๆ ทำให้ขนลุก สร้างความหวาดผวาอกสั่นขวัญแขวน เช่น เมื่อเราค่อยๆ เดินไปที่ประตู จะเห็นมือปีศาจขนาดยักษ์โบกรอบตัวบ้านอยู่ในแบ็คกราวน์ด์
ปีศาจในเกมนี้มีไม่กี่ตัว แต่มีความหลากหลายและเรื่องราวน่าค้นหา เราฆ่าปีศาจแต่ละตัวตรงๆ ไม่ได้เพราะไม่มีอาวุธ ต้องย่องเบาหรือวิ่งหนีเกือบทั้งเกม จนกว่าจะค้นพบวิธีรับมือแบบอื่น ปีศาจตัวหลักชื่อ เดอะ มอว์ (The Maw) พิเศษกว่าตัวอื่นตรงที่สามารถออกจากโลกวิญญาณมาอาละวาดในโลกจริงได้ ร่างของมันในโลกจริงจะตาบอดแต่ก็ล่องหน ดังนั้นจึงต้องตามแกะรอยเราจากเสียง ลักษณะพิเศษนี้ของ เดอะ มอว์ ทำให้เกิดซีนที่น่าระทึกที่สุดในเกม เมื่อเราต้องใช้พลัง ‘เพ่ง’ มองหาร่องรอยของปีศาจ สลับกับการกลั้นหายใจและย่องผ่านไปให้ได้ และบางคราวเราก็ต้องใส่ตีนผี วิ่งหนีให้เร็วที่สุดเวลาที่มันทะยานมาจากข้างหลัง เดอะ มอว์ ทำให้เราไม่รู้สึกปลอดภัยอีกเลยทันทีที่เราพบเจอ เพราะมันอาจโผล่มาได้ทุกเมื่อทั้งในโลกจริงและโลกวิญญาณ
เนื้อเรื่องใน The Medium เป็นอีกส่วนที่ช่วยสร้างบรรยากาศสยองขวัญน่าพรั่นพรึง เมื่อเบื้องหลังของฆาตกรรมหมู่ในรีสอร์ต นีวา ถูกคลี่คลายออกมาช้าๆ ระหว่างทาง และเบื้องหลังของตัวเราเองก็ดำมืดไม่แพ้กัน บางช่วงเราจะไม่ได้ควบคุม แมรีแอน แต่เปลี่ยนไปควบคุมผู้ชายลึกลับที่มีสัมผัสพิเศษอีกคน ในฉากอดีตสมัยที่แมรีแอนยังเล็ก แต่เรื่องราวของเขาก็เกิดในรีสอร์ตแห่งนี้เช่นกัน และความสัมพันธ์ระหว่างเขากับแมรีแอน รวมถึงการคลายปริศนาเรื่องฝันร้ายของร่างทรง ก็เป็นสิ่งที่เกมเก็บงำไว้ค่อนข้างดีจนถึงช่วงท้ายในเกม จุดที่ปริศนาทุกอย่างได้รับการคลี่คลาย แต่ฉากสุดท้ายก็ทิ้งเงื่อนงำให้คิดว่า น่าจะมีภาคสองตามมาในไม่ช้า
ใครก็ตามที่ชื่นชอบความสยองขวัญแบบ Silent Hill น่าจะชอบ The Medium ด้วยเหตุผลเดียวกัน และที่เป็นโบนัสพิเศษคือ ดนตรีประกอบที่หลอนได้อย่างถูกจังหวะและเพลงเพราะจับใจในเกมนั้นถูกประพันธ์โดยทีมเดียวกันกับทีมดนตรีของ Silent Hill เกมแรก นำโดย อากิระ ยามาโอกะ
‘ความจริง’ ทางจิตวิญญาณ ความเลวร้ายในจิตใจมนุษย์ จะน่ากลัวกว่าผีตุ้งแช่และจินตนาการได้อย่างไร The Medium ก็เป็นเกมสยองขวัญสมัยใหม่ที่นำเอาบรรยากาศและมุมกล้องคลาสสิก มาอัพเดทด้วยกราฟิกและระบบเกมใหม่ๆ ที่สร้างความประทับใจตลอดเวลา 8-10 ชั่วโมงที่คนเล่นจะจมหายเข้าไปในเกม
.
บทความโดย สฤณี อาชวานันทกุล
อดีตผู้ก่อตั้งและจัดการ Home of the Underdogs เว็บเกมเก่าถูกทิ้ง (abandonware) ที่ใหญ่ที่สุดในอินเทอร์เน็ต
.
#GamingDose #TheMedium #บทความ #เกม
同時也有2部Youtube影片,追蹤數超過15萬的網紅pennyccw,也在其Youtube影片中提到,Reggie Miller wasn't thinking about a tie. He was going for a win all the way. In his latest heroic postseason moment, Miller nailed a 3-pointer w...
home of the underdogs 在 pennyccw Youtube 的最佳解答
Reggie Miller wasn't thinking about a tie. He was going for a win all the way.
In his latest heroic postseason moment, Miller nailed a 3-pointer with 2.9 seconds left to lift the Indiana Pacers to a 79-78 comeback victory over the Philadelphia 76ers in Game 1 of their first-round playoff series Saturday.
Miller, who had missed 16 of his first 20 shots, came around a screen and took a pass from Jalen Rose before launching a 3-pointer from 25 feet that rattled in.
"On the road I always go for 3," said Miller, whose career highlights include several clutch 3-pointers at the end of games -- especially in the playoffs.
"I knew it was coming. You knew it was coming. The crowd knew it was coming."
The Sixers had a final chance, but Allen Iverson lost his dribble with Miller closely guarding him and couldn't get a shot off as time expired.
"We got to a point where we felt we had these guys beat," Iverson said. "We got tight. To get a big lead like that and lose it at home is ridiculous."
Indiana, the defending Eastern Conference champions and prohibitive underdogs against Philadelphia, lead the best-of-five series 1-0. Game 2 is Tuesday night at the First Union Center.
Miller had 17 points and Jermaine O'Neal added 12 points and a career-high 20 rebounds for Indiana, which rallied from an 18-point second-half deficit. Travis Best had 16 points and 10 assists.
"We let the world know, we let them know, we can beat them on their own court," O'Neal said.
Iverson, who won his second scoring title in three years by averaging 31.1 points per game, had just 16 points. Aaron McKie added 18 and Dikembe Mutombo had 12 points and 22 rebounds.
Philadelphia, the top team in the East, is seeking to avenge two straight playoff defeats to Indiana.
"We gave them too many shots and I don't think we went inside enough," Mutombo said. "We had a lot of opportunities, but we didn't take advantage of them. Their big men were in foul trouble and we didn't take advantage of that either. I'm not happy at all at the way we lost this game."
The Pacers took their first lead, 73-72, since the opening minutes on a jumper by Best midway through the fourth. After Iverson answered with a jumper, Miller hit a 3-pointer to give the Pacers a 76-74 lead with 3:21 left.
Mutombo tied it at 76 on a pair of free throws with two minutes left. After Rose missed a jumper, Snow scored on a driving layup to make it 78-76.
Indiana missed four shots, including three 3-pointers, on its ensuing possession, but McKie missed an off-balance driving layup and O'Neal got the rebound with 11.7 seconds left.
Miller then drilled his third 3-pointer of the game to notch the upset.
"The situation called for big-time players to step up," Rose said. "I've seen him hit that shot numerous times."
Said Miller, "Shooters shoot. I understood I was having an off day."
Iverson shot just 7-of-19 and wasn't too thrilled about going to the bench after committing his fourth foul with 7:40 left in the third. He stared at Sixers coach Larry Brown and didn't join a team huddle during an ensuing timeout.
Iverson returned less than three minutes later, made a driving layup and hit a short jumper to give the Sixers a 65-54 lead late in the third after Indiana had cut its deficit to single digits for the first time since the first quarter.
"We got real tentative and they made big plays," Brown said. "We didn't make many shots in the second half and we made some critical mistakes. We took a shot too soon and we have to be a lot smarter."
Philadelphia used a 12-2 run -- none of the points from Iverson -- to open its first double-digit lead of the game, 18-8, with 2:39 left in the first.
Indiana missed its first eight shots before Rose hit a short jumper 3:20 into the game.
Miller made just one of his first 10 shots and was 2-for-12 in the first half. The Pacers were 15-for-51 in the first half.
"With a guy like that, you never worry about what he's done early," Pacers coach Isiah Thomas said.
Neither Iverson nor Miller scored until Miller made a driving layup with 2:05 left in the first. Iverson then scored on a driving finger roll with 1:38 left. He had as many assists -- four -- as shots in the first.
Notes: Miller shot just 3-for-14 in his last game in Philadelphia on April 1. ... O'Neal got a technical foul for taunting after a slam dunk early in the second quarter. ... Iverson hit a layup with 1:38 left in the first and the clock didn't restart until Austin Croshere made a layup on the ensuing possession.
home of the underdogs 在 pennyccw Youtube 的最讚貼文
Allen Iverson finally shook his shadow and shook up the NBA Finals.
Hounded by unheralded Tyronn Lue, Iverson scored seven of his 48 points in a one-minute span of overtime as the Philadelphia 76ers stunned the Los Angeles Lakers with a 107-101 victory in the opener of the NBA Finals.
Iverson scored 30 points in a scintillating first half, letting everyone know that the 76ers were going to be more than another pushover for the powerful Lakers. His late flurry silenced the Staples Center and unceremoniously ended Los Angeles' run at a perfect postseason.
"Anybody that bet on it, some broke people out there," Iverson said. "I'm glad nobody didn't bet their life on it 'cause they definitely would be dead right now."
Instead, the Sixers -- double-digit underdogs -- are very much alive as they again displayed their heroic heart.
"Our guys just try hard," Sixers coach Larry Brown said. "This is kind of unexpected but it's neat."
In between Iverson outbursts, Lue stymied the NBA Most Valuable Player for nearly 20 minutes, using his quickness to prevent Iverson from even getting the ball, let alone shoot it. He had spent the last two practices impersonating Iverson and apparently got pretty good at it.
"I just try to deny him the ball as much as possible, because when he does get the ball, the best penetrator in the game is going to be hard to stop," Lue said. "We were trying to keep the ball out of his hands as much as possible."
"He was holding me the whole time," Iverson said.
But the third-year reserve let his guard down for just a second and it cost the Lakers. Iverson's two free throws pulled the Sixers within 99-98 with 1:46 remaining and the Lakers called a timeout.
Lue drove and threw up a wild shot as he fell out of bounds. The Sixers rebounded and Iverson ran out in transition. With Lue nowhere in sight, he drilled a 3-pointer that gave Philadelphia the lead for good at 101-99 with 1:19 left.
"That was really the knife that wounded us," Lakers coach Phil Jackson said.
Rick Fox spoiled a solid game by throwing away a pass and Iverson made a step-back baseline jumper for a 103-99 lead with 47 seconds to go.
Kobe Bryant, who shot poorly and could not defend Iverson, hit a baseline jumper with 33 seconds to play. But Eric Snow, whose runner late in the fourth quarter saved the Sixers, made a similar shot to seal it with 10 seconds left.
On the eve of his 26th birthday, Iverson made 18-of-41 shots and 9-of-9 free throws, adding six assists and five steals. Playing his first NBA Finals game, his explosion offset 44 points and 20 rebounds by Shaquille O'Neal as he won the duel between the league's last two MVPs.
The Lakers rallied from a 15-point third-quarter deficit only to blow a five-point overtime lead as they lost for the first time since April 1, a span of 20 games. They had come into this series as huge favorites, having romped through the postseason with 11 straight wins by an average of more than 15 points.
"I'm kind of relieved it's over in some ways but but it does put some pressure on us to get a win on our home court," Jackson said. "We've got to go out on Friday night and find a way to get this series tied up."
The Sixers came in with no one expecting them to win a game, let alone the series. But they used their trademark toughness to do in just one game what the weak knees of the Western Conference could not do in 11 -- beat the Lakers.
"They thought we were gonna get swept and that was like a slap in the face to us," Iverson said.
Game Two is Friday at Los Angeles. Philadelphia is trying to knock off the defending champions and win its first title in 18 years.
"Now it's a series," O'Neal said.
However, Philadelphia may have to try a little harder. Guard Aaron McKie, who did a superb job of defending Bryant, suffered a chip fracture of his right ankle but is probable for Friday.
Both Iverson and O'Neal abused a series of defenders. Iverson sent starter Derek Fisher to a permanent seat on the bench and also had his way with Bryant before Lue came on.
"You can't take anything away from Tyronn Lue," Iverson admitted. "A lot of guys go out against a player that's named MVP of the regular season and won't give it his all, act like he's scared. But he gave his team a great lift."
O'Neal met some resistance from Mutombo but manhandled Matt Geiger and Todd MacCulloch at the end of the third quarter. He made 17-of-28 shots but just 10-of-22 from the line.
Most of O'Neal's offense came against single coverage from Dikembe Mutombo, who sat down with foul trouble for most of the third quarter but still contributed 13 points, 16 rebounds and five blocks.
His presence allowed Philadelphia to swarm to Bryant, who had an awful game with just 15 points, on 7-of-22 shooting, and six turnovers.
"They got into Kobe's body, and bodied him on the dribble, stripped the ball when he picked it up," Jackson said. "He really didn't clear himself for shots very easily tonight."
Snow scored 13 points and injury-hampered Matt Geiger provided an unexpected 10 for the Sixers, who shot 48 percent (40-of-83) and missed just two of 25 free throws, which came at the worst possible time.
O'Neal's dunk off a feed from Bryant with 1:57 left in the fourth quarter gave the Lakers a 94-92 lead, their first since midway through the second period.
Snow answered with his first running jumper and the Sixers had a chance to take the lead when Mutombo rebounded a miss by Snow and was fouled with 34 seconds to go. But he missed both after Philadelphia had hit its first 19 from the line.
Bryant and Snow missed, sending it to overtime, where it looked like the Lakers were ready to win. O'Neal threw in a hook, Bryant spun for a layup and O'Neal split a pair from the line for a 99-94 lead.
The Sixers looked dead when Raja Bell found himself trapped in the lane with the shot clock running down. But he pivoted and threw in a scoop shot with his left hand with 2:19 remaining, sparking the comeback.
Fox scored 19 points for the Lakers, who were playing for the first time in 10 days and shot 44 percent (40-of-90).
At the start, it looked like another Lakers landslide. A 16-0 burst capped by Bryant's first basket gave Los Angeles an 18-5 lead with 5 1/2 minutes to go -- and perhaps allowed complacency to set in.
"We watched games that they played when they jumped out on guys and guys just packed it in and stopped playing," Iverson said. "But we've been like that before. We've been in games where we started off slow and ended up winning."
Iverson scored 10 points in the rest of the period, then opened the second quarter with a jumper over Bryant for a 24-23 lead.
The Lakers still held a 38-36 lead midway through the second quarter when Jackson was hit with a technical foul for arguing a non-call against Mutombo.
Iverson made the foul shot, Geiger hit two jumpers to give the Sixers the lead at 41-40 and Iverson took over from there as he scored Philadelphia's last 15 points of the half, mostly off his trademark crossover dribble.
His 3-pointer gave the Sixers a 56-48 advantage before O'Neal hammered home a miss by Bryant in the final second.
At intermission, Iverson had 30 points on 11-of-24 shooting, lighting up Bryant, who was 2-of-10 for four points with five turnovers.
"Allen really stepped it up," Brown said. "His first half was about as good as it gets."
It continued in the third quarter, as Iverson fed Jumaine Jones for an alley-oop slam, sank a jumper and dropped a layup over O'Neal for a 64-54 lead. He took a steal in for a layup and hit a fading corner shot before Eric Snow's three-point play gave the Sixers their largest lead at 73-58 with 5:23 left.
But with Mutombo on the bench, Philadelphia could not fight off O'Neal, who overpowered Geiger and MacCulloch and muscled Los Angeles back into it. He scored 14 points in the final 5:10 of the period, and with Lue shadowing Iverson, the Lakers pulled within 79-77 entering the final period.
Philadelphia led by as many as seven points early in the fourth quarter, when Mutombo picked up his fifth foul and again sat down before returning less than a minute later as Geiger fouled out.