【Lenovo南港新辦公室正式啟動🎉】
Lenovo新辦公室位於台北南港軟體園區,充分融入Smarter Technology for all的理念,運用聯想智能辦公室的解決方案 Lenovo Smart Office,精巧的將科技與健康做結合,在後疫情時代,希望為所有員工創造一個健康且更具協作性的辦公室🏢
新辦公室採用美國Fitwel 健康建築設計標準,符合Fitwel 三星級別最高健康建築認証,這也將會是全台第一個取得此殊榮的辦公場所。相信新的辦公室,將會帶給員工最健康的環境,及為同事們注入新的活力💪💪
#Lenovotw
lenovo smarter 在 ลงทุนแมน Facebook 的最讚貼文
กรณีศึกษา Lenovo ทำอย่างไร ให้เป็นผู้นำตลาด PC ของไทย และของโลก
Lenovo Thailand x ลงทุนแมน
ผู้ที่ครองส่วนแบ่งตลาด จำนวนการส่งมอบ PC อันดับ 1 ของโลก ในปี 2020 ที่ผ่านมา
คือ Lenovo ที่ครองส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 23.8%
และสำหรับในประเทศไทยในปีที่ผ่านมา
Lenovo ก็สามารถครองส่วนแบ่งตลาด PC อันดับ 1 ได้ด้วยเช่นกัน
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ลงทุนแมนมีโอกาสได้พูดคุยกับ6
คุณวรพจน์ ถาวรวรรณ ผู้จัดการทั่วไป Lenovo ประจำพม่า ลาว กัมพูชา และผู้อำนวยการส่วนธุรกิจคอนซูเมอร์ของ Lenovo ในไทย ถึงเคล็ดลับและกลยุทธ์การทำธุรกิจของ Lenovo
Lenovo ทำอย่างไร ให้เป็น ผู้นำตลาด PC ของไทยและของโลก ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ถ้าลองไปเปิดดูผลประกอบการปีที่ผ่านมาของ Lenovo
จะเห็นว่าบริษัททำรายได้รวมเติบโต 20% กำไรสุทธิเติบโต 77%
และถ้าหากมาโฟกัสที่ไตรมาสล่าสุด
Lenovo ทำรายได้เติบโต 48% และกำไรสุทธิเติบโตถึง 512%
ลงทุนแมนถามคุณวรพจน์ด้วยคำถามแรกว่า
การเติบโตของตลาดคอมพิวเตอร์และโน้ตบุ๊กส่วนบุคคลในไทย รวมไปถึงในพม่า ลาว กัมพูชา ที่คุณวรพจน์ เป็นผู้ดูแล เติบโตดีแค่ไหน เมื่อเทียบกับผลประกอบการภาพรวมของ Lenovo ?
คุณวรพจน์ ถาวรวรรณ ตอบด้วยตัวเลขที่บอกเราว่า “เติบโตได้ดีมาก ๆ สอดคล้องกับภาพรวม”
ในส่วน พม่า ลาว กัมพูชา ในส่วน Personal Computer และ Smart Devices (PCSD) ที่คุณวรพจน์ ดูแลนั้น รายได้เติบโตเป็นตัวเลขสองหลัก เป็นที่น่าพอใจเป็นอย่างมาก
ส่วนการเติบโตในประเทศไทยในส่วนของคอมพิวเตอร์เพื่อการใช้งานส่วนบุคคลในปีที่ผ่านมานั้นก็สอดคล้องกับการเติบโตของ Lenovo ทั่วโลก
กล่าวสรุปคือ เป็นปีที่ Lenovo มีการเติบโตทั่วโลกรวมถึงในไทย
จากสถิติของ IDC สำหรับไตรมาสที่ 1 ปี 2021 Lenovo ยังครองส่วนแบ่งตลาด จำนวนส่งมอบ PC อันดับ 1 ของโลกที่ 24.3%
คำถามต่อมาคือ กลยุทธ์อะไรที่ทำให้สินค้าของ Lenovo เหนือกว่าแบรนด์อื่น ?
คุณวรพจน์อธิบายว่า Lenovo ใช้กลยุทธ์ที่เข้าใจได้ง่ายแต่ลึกซึ้งนั่นคือ เรารับฟังความต้องการของลูกค้าอยู่ตลอดเวลา และเรานำความต้องการของลูกค้ามาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์
ซึ่งหากจะพูดในภาษาของการตลาดก็อาจจะเรียกได้ว่าเป็นแบบ “Inclusive Marketing” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการตลาดยุคใหม่ล่าสุด หรือ Marketing 5.0
คำว่า Inclusive คือต้องเข้าใจความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริงแล้ว ต้องเน้นให้ลูกค้ามีส่วนร่วม อย่างเช่น ลูกค้าฟีดแบ็กมาว่าอยากให้มีเทคโนโลยีอะไรใหม่ ๆ เพิ่มเติมขึ้นมาในสินค้า เราก็นำโจทย์ตรงนั้น มาพัฒนาให้เป็นนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่ใช้งานได้จริง เพื่อให้มาตอบโจทย์ความต้องการเหล่านั้น
และคำว่า Inclusive ที่ว่านี้ ไม่ได้เจาะจงแค่สนใจใครคนใดคนหนึ่ง หรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเท่านั้น
แต่ให้ความสำคัญกับผู้ใช้งานทุกกลุ่ม ตามวิสัยทัศน์ที่ Lenovo ตั้งไว้ว่า “Smarter Technology for All”
เรามีทีมที่ดูแลในแต่ละประเทศ ที่คอยรับฟังฟีดแบ็ก และทำความเข้าใจตลาดของแต่ละประเทศอย่างลึกซึ้ง
อีกทั้งยังเน้นการทำงานร่วมกับพาร์ตเนอร์ในแต่ละประเทศอย่างเข้มแข็ง ซึ่งทำให้ Lenovo สามารถนำเสนอสินค้าได้ตรงตามความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ กลุยุทธ์อีกอย่างที่สำคัญคือการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง คือ Lenovo ทุ่มเทและให้ความสำคัญอย่างมาก กับเรื่องการวิจัยพัฒนา (R&D)
ในปีงบประมาณ 2019/2020 Lenovo ลงงบประมาณในส่วน R&D สูงถึง 42,000 ล้านบาท โดยทางบริษัทมี 15 ศูนย์วิจัยพัฒนาทั่วโลก และมีพนักงานกว่า 3,200 คน ดูแลในส่วนนี้โดยเฉพาะ
ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นกลยุทธ์ในภาพรวม ที่ทำให้ Lenovo ยืนหนึ่งในตลาดนี้ได้
ลงทุนแมนถามต่อว่า ผู้บริโภคยุคนี้มีความต้องการหลากหลายมาก
บางคนต้องการ PC ไปทำงาน บางคนต้องการไปดูหนัง ฟังเพลง บางคนเอาไปเล่นเกม ตรงนี้ Lenovo มีกลยุทธ์ไปจับความต้องการที่แตกต่างเหล่านั้นอย่างไรบ้าง ?
คุณวรพจน์บอกว่า Lenovo นำเทคโนโลยีที่พัฒนา มานำเสนอเป็นสินค้าและบริการที่หลากหลายออกสู่ตลาด ซึ่งก็เพื่อมาจับความต้องการของลูกค้าที่มีหลากหลายในยุคปัจจุบัน
ยกตัวอย่างเช่น
- ซีรีส์ “IdeaPad” ที่นำเสนอออกมาเพื่อเจาะตลาดกลุ่มเริ่มต้น ที่ทั้งใช้ทำงานและใช้งานทั่วไป อย่างเช่น ดูหนัง ฟังเพลง ซึ่งกลุ่มนี้ถือเป็นฐานลูกค้าที่ใหญ่ที่สุด
- ซีรีส์ “Yoga” ที่ถูกนำเสนอเป็นโน้ตบุ๊กกลุ่มพรีเมียม มีนวัตกรรมล้ำ ๆ เช่น จอที่พับได้องศากว้าง ตอบโจทย์กลุ่มทำงานและกลุ่มใช้งานทั่วไประดับสูง ที่ต้องการความยืดหยุ่น รูปลักษณ์ดีไซน์ที่แสดงออกถึงความเป็นตัวตนของแต่ละบุคคล มีลูกเล่นเยอะ และมีเทคโนโลยีล้ำ ๆ
- โน้ตบุ๊กเกมมิง อย่างซีรีส์ “Legion” ที่เน้นให้ประสบการณ์ในการเล่นเกมสูงสุด มีสเปกการใช้งานที่คุ้มราคา และมีเทคโนโลยีที่ซัปพอร์ตการเล่นเกมให้ลื่นไหลอย่างเต็มที่
- Desktop ตั้งโต๊ะ IdeaCentre สำหรับผู้ที่ต้องการคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ ที่สามารถใช้งานได้ร่วมกันทั้งครอบครัว มีดีไซน์ที่สวยงาม ไม่เทอะทะ
โดยนอกจากไลน์ผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมความต้องการที่แตกต่างแล้ว Lenovo ยังมีการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใส่ไว้ในผลิตภัณฑ์เพื่อยกระดับประสบการณ์การใช้งานของผู้บริโภค
ยกตัวอย่างเช่น
- เทคโนโลยี Presence Detection with Zero touch Login หรือการสแกนใบหน้าผ่าน Web Camera เพื่อปลดล็อกเครื่อง และล็อกเครื่องอัตโนมัติเมื่อผู้ใช้เดินออกไปจากบริเวณหน้าจอ
- เทคโนโลยี Lenovo Q-Control ซึ่งใช้ AI มาช่วยเรื่องการจัดการพลังงานให้เหมาะสมกับการใช้งาน
- เทคโนโลยี Privacy Shutter ที่เป็นฝาครอบเพื่อเปิดปิด Web Camera ป้องกันการถูกแอบถ่าย ให้ความเป็นส่วนตัว
และยังมีเทคโนโลยีที่เน้นเรื่องสุขภาพของผู้ใช้ อาทิ
เทคโนโลยี Lenovo Aware ที่ช่วยมอนิเตอร์ท่านั่งให้ถูกตามหลักสรีระ และแจ้งเตือนถ้าเรานั่งผิดท่า หรือนั่งใกล้หน้าจอเกินไป
นอกจากนี้ยังมอนิเตอร์เวลาใช้เครื่อง มอนิเตอร์ความสนใจ
มีเทคโนโลยี Eye Care ที่ช่วยลดแสงสีฟ้าจากหน้าจอ, Noise Cancellation ช่วยลดเสียงรบกวน ซึ่งชัดเจนว่าเทคโนโลยีนี้ออกแบบมาเพื่อผู้ใช้ในปัจจุบัน ตอบโจทย์คุณพ่อคุณแม่ที่ลูก ๆ ต้องเรียนออนไลน์
คำถามต่อมาคือ ตลาด PC ในอนาคตต่อจากนี้ จะยังเติบโตได้ดีอีกไหม ?
คุณวรพจน์มองว่า Lenovo จะยังคงเติบโตได้ดีต่อไปเนื่องจาก PC ได้กลายเป็น Commodity product ซึ่งทุกคนต้องใช้ในชีวิตประจำวันไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นทางศูนย์วิจัยของ Lenovo มีการวิเคราะห์และคาดการณ์พฤติกรรมของผู้คนในอีก 3-5 ปีข้างหน้าแล้ว ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แล้วนำผลที่ได้ มาออกแบบเป็นผลิตภัณฑ์และบริการที่จะนำเสนอในอนาคต
อย่างเช่น เทรนด์การใช้งาน 5G และ Wi-Fi 6 ที่จะมาพร้อมกันกับพฤติกรรมคนที่จะยิ่งใจร้อนขึ้น ต้องการการบริการที่ปัจจุบันทันด่วนมากขึ้นกว่าเดิม
เพราะฉะนั้นวิธีการนำเสนอสินค้าก็ต้องตอบโจทย์กลุ่มนี้ในอนาคต และต้องมีการพัฒนาบริการหลังการขายให้ดีขึ้น รวดเร็วขึ้น ไม่ให้ผู้บริโภคต้องรอนานหากเกิดปัญหา
คุณวรพจน์เชื่อว่า Lenovo เข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคที่ต้องการอะไรอยู่ตลอดเวลา และพัฒนาสินค้า บริการใหม่ ๆ มานำเสนอให้ตรงจุด ซึ่งก็จะทำให้ Lenovo สามารถเติบโตได้ดีต่อไปเรื่อย ๆ ในอนาคต
คำถามต่อมาคือ Lenovo มีการออกแบบและจัดการบริการหลังการขาย รวมถึงเรื่องรับประกันคุณภาพสินค้าอย่างไรให้ตรงต่อความต้องการของผู้บริโภคที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ?
ประการแรก: Lenovo ในส่วนของกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อการใช้งานทั่วไป หรือที่เราเรียกว่ากลุ่มผลิตภัณฑ์คอนซูเมอร์ นั้นมีการรับประกันที่เราเรียกว่า Premium Care
ซึ่ง Premium Care เป็นบริการหลังการขาย เช่น รับประกันสินค้าอย่างต่ำ 3 ปี เพื่อให้ผู้ใช้งานมั่นใจในคุณภาพของสินค้า และใช้งานสินค้าได้อย่างอุ่นใจเป็นเวลานาน ๆ โดยเราจะมีช่างเทคนิคผู้มีความรู้คอยเป็นผู้ตอบคำถามถ้าลูกค้าต้องการโทรปรึกษาข้อมูลตลอด 24 ชั่วโมง และตลอด 7 วัน
ประการที่สอง: Lenovo มีการรับประกันอุบัติเหตุ หรือ Accidental Damage Protection (ADP) ให้ตั้งแต่เครื่องที่ราคาหมื่นต้น ๆ ขึ้นไป
ประการที่สาม: บางรุ่นจะมีบริการ Next Business Day เช่น โทรเข้ามาแจ้งความผิดปกติของเครื่องในเช้าวันจันทร์ จะมีทีมงานเข้าไปดูแลถึงที่อย่างเร็วที่สุดภายในเย็นวันอังคาร
ประการที่สี่: มีซอฟต์แวร์ “Lenovo Vantage” ที่เอาไว้ช่วยประเมินอาการเสียหายเบื้องต้น ซึ่งซอฟต์แวร์ตัวนี้ ช่วยยกระดับการบริการหลังการขายให้ดีขึ้น เพราะจะทำให้ทีมบริการหลังการขายหรือผู้ใช้งานเอง ทราบอาการเบื้องต้นได้ทันทีเมื่อเช็กผ่านซอฟต์แวร์
นอกจากนั้น สำหรับโน้ตบุ๊กเกมมิงอย่างซีรีส์ Legion
Lenovo ก็มีบริการหลังการขาย Legion Ultimate Support
ที่มีคอลเซนเตอร์ที่เป็น Gamer Engineer คอยให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง สามารถช่วยแก้ปัญหาการใช้งานเบื้องต้นสำหรับโน้ตบุ๊กเกมมิงได้ทันที ไม่ต้องรับเรื่องไว้แล้วไปประสานงานต่อ
คำถามสุดท้ายคือ Lenovo มีแผนจะทำอะไรใหม่ ๆ ในอนาคตอีกบ้าง ?
ทางคุณวรพจน์และ Lenovo เชื่อว่า อีกไม่เกิน 5 ปี ทุกอย่างจะเชื่อมต่อเข้าด้วยกันแบบไร้รอยต่อ ซึ่งจะทำให้ Smart Home กลายเป็นเรื่องพื้นฐานของแต่ละครัวเรือนมากขึ้น และจะเป็นเมกะเทรนด์ในอนาคต
เรากำลังเข้าสู่ยุค Data Driven Society ซึ่งเมื่อรวมกับพฤติกรรมผู้บริโภคแบบปัจจุบันทันด่วนขึ้น เทคโนโลยีก็ต้องรวดเร็วทันใจ
ไม่ว่าจะเป็นการรองรับ 5G หรือ Wi-Fi 6 ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่บ้าน
หรือคอมพิวเตอร์และโน้ตบุ๊ก ที่ใช้ AI มาวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมาก เพื่อเสริมศักยภาพให้การใช้งานของผู้ใช้ เพราะสังคมทุกวันนี้ข้อมูลมันเยอะกว่าสมัยก่อนมาก และแน่นอนว่าจะมากขึ้นไปเรื่อย ๆ
นั่นจึงเป็นที่มาให้ Lenovo กำลังจะนำเสนอดีไวซ์และโซลูชันเหล่านี้มากขึ้น ในอนาคต
ขณะที่คอมพิวเตอร์และโน้ตบุ๊ก ก็จะเป็นอุปกรณ์พื้นฐาน
ซึ่งคนจะเลือกจากความน่าเชื่อถือของแบรนด์ มีเทคโนโลยีที่ครบ และบริการหลังการขายที่ตอบโจทย์
ในอนาคต Lenovo ตั้งใจจะมีพื้นที่รับฟังลูกค้าที่มากขึ้น
เพื่อฟังความเห็น รับฟีดแบ็กและข้อแนะนำให้เต็มที่
เพราะฟีดแบ็ก ข้อแนะนำ และคำติชม คือสิ่งมีค่าที่สุด ที่บริษัทสามารถนำไปพัฒนาแล้วต่อยอดออกมาเป็นสินค้าและบริการที่ตอบความต้องการของผู้ใช้งานต่อไปได้
เรากำลังเข้าสู่ยุคที่ข้อมูลขับเคลื่อนโลกและสังคม
ยุคที่คนต้องการคอมพิวเตอร์และโน้ตบุ๊ก ที่มีประสิทธิภาพที่สุดมาใช้
ยุคที่คนต้องการการบริการที่รวดเร็ว ไม่เชื่องช้า
ยุคที่ข้อมูลและทุกสิ่งทุกอย่าง จะเชื่อมต่อเข้าด้วยกันแบบไร้รอยต่อ
ยุคที่ต่อไปเราจะคุ้นชินกับ Smart Home และ Smart Devices
ซึ่งแน่นอนว่า Lenovo ก็มีความพร้อมเต็มที่
ที่จะเดินหน้าพัฒนา และนำเสนอสินค้าและบริการ
ให้มาตอบโจทย์ความต้องการต่าง ๆ เหล่านั้น ในอนาคต..
References
- https://investor.lenovo.com/en/publications/reports.php
- https://www.statista.com/statistics/255283/lenovos-rundd-expenditure/
- https://www.idc.com/getdoc.jsp?containerId=prUS47601721
- บทสัมภาษณ์ คุณวรพจน์ ถาวรวรรณ ผู้จัดการทั่วไป Lenovo ประจำพม่า ลาว กัมพูชา และผู้อำนวยการส่วนธุรกิจคอนซูเมอร์ของ Lenovo ไทย โดยเพจลงทุนแมน
lenovo smarter 在 Lenovo Taiwan Facebook 的最讚貼文
【Lenovo AP Consumer Channels Forum】
科技大大改變我們的生活、學習、工作和娛樂🧐想要了解Lenovo創新技術及未來科技觀點嗎⁉️
📢2021/4/22(四)11:30~12:30看我們如何用創新科技去達成“Smarter Technology for All”來打造更智能的未來😎
立即報名👉 https://bit.ly/3wR3GsB
#LenovoAPCCF #BuildingASmarterFuture