กรณีศึกษา KakaoBank ใช้เวลา 4 ปี ขึ้นมาเป็นธนาคารใหญ่สุด ในเกาหลีใต้ /โดย ลงทุนแมน
KakaoBank เป็นบริษัทของเกาหลีใต้ ที่เป็นธนาคารดิจิทัลโดยสมบูรณ์ ไม่มีหน้าสาขาเลย
KakaoBank เพิ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เกาหลีใต้ไปเมื่อวันที่ 6 สิงหาคมที่ผ่านมา
ปัจจุบันมีมูลค่าราว 1.1 ล้านล้านบาท ซึ่งใหญ่กว่า KB Financial Group บริษัทแม่ของ Kookmin Bank ธนาคารพาณิชย์ดั้งเดิมที่ใหญ่สุดในประเทศเกาหลีใต้เป็นเท่าตัว
จึงทำให้ KakaoBank ที่เพิ่งก่อตั้งมาเพียง 4 ปี กลายเป็นธนาคารที่มีมูลค่าบริษัทมากที่สุด
นอกจากนี้แอปพลิเคชัน KakaoBank ยังกลายมาเป็นแอปพลิเคชันธนาคารที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดในเกาหลีใต้อีกด้วย
แล้ว KakaoBank เอาชนะธนาคารพาณิชย์แบบดั้งเดิม ในระยะเวลาเพียง 4 ปี ได้อย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
โลกที่กำลังมุ่งสู่ออนไลน์ด้วยความรวดเร็ว ได้ทำให้ธนาคารพาณิชย์แบบดั้งเดิม
ต้องรีบปรับตัวมาให้บริการผ่านแพลตฟอร์มแบบดิจิทัล เพื่อไม่ให้ถูกดิสรัป
ซึ่งคู่แข่งคนสำคัญของธนาคาร ก็คือผู้ให้บริการ “ธนาคารดิจิทัล” ที่มีรูปแบบการให้บริการออนไลน์ทั้งหมด ไม่มีสาขาเลย เช่น Nubank จากประเทศบราซิล ที่มีบริษัท Berkshire Hathaway ของ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ให้ความสนใจและได้เข้าไปร่วมลงทุนเมื่อไม่นานมานี้
โดย Nubank เริ่มจากการให้บริการบัตรเครดิตดอกเบี้ยต่ำในปี 2013 ก่อนที่จะขยายบริการมาเป็นธนาคารดิจิทัลแบบสมบูรณ์ อย่างเช่น บริการเงินฝากและสินเชื่อ ในปี 2018
ปัจจุบัน Nubank คือธนาคารดิจิทัลที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดในโลกราว 40 ล้านบัญชี
ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือชาวบราซิล โดยคิดเป็น 18.8% ของประชากรบราซิล
และถ้าถามว่ารองจาก Nubank หรือธนาคารดิจิทัลที่มีผู้ใช้งานมากเป็นอันดับ 2 ของโลกคือใคร ?
คำตอบก็คือ ธนาคารดิจิทัลจากประเทศเกาหลีใต้ ที่ชื่อว่า “KakaoBank”
หลายคนอาจคุ้นชื่อ Kakao จาก KakaoTalk แอปพลิเคชันแช็ตที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดในเกาหลีใต้ ซึ่งบริษัท Kakao ก็ได้ต่อยอดมาทำธุรกิจให้บริการธนาคารดิจิทัลด้วย
ในประเทศเกาหลีใต้ แม้จะเคยมีบริษัทที่ไม่ใช่ธนาคาร อยากลองทำธนาคารดิจิทัลมาตั้งแต่ปี 2001 แต่ที่ผ่านมาก็ไม่ได้มีกฎหมายใด ๆ รองรับ
จนกระทั่งในปี 2015 รัฐบาลเกาหลีใต้ เพิ่งมีการประกาศว่าจะเริ่มออกใบอนุญาตให้ผู้ประกอบการธนาคารดิจิทัลแล้ว ซึ่งก็ได้ออกมาเป็นรูปเป็นร่างจริงในปี 2017 หรือเพียง 4 ปีก่อน ซึ่งก็ถือว่าค่อนข้างช้าเมื่อเทียบกับกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว
ในปี 2017 มีผู้ให้บริการธนาคารดิจิทัล 2 แห่ง ที่ขอใบอนุญาต นั่นก็คือ
K Bank ของบริษัท KT Corporation บริษัทเทเลคอมที่ใหญ่สุดในเกาหลีใต้
KakaoBank ของบริษัท Kakao ผู้ให้บริการแอปพลิเคชันแช็ตอันดับ 1 ของเกาหลีใต้
การขอใบอนุญาตนี้ นับเป็นการจดทะเบียนธุรกิจธนาคารครั้งแรกในรอบ 25 ปี และเป็นความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญของธนาคารเกาหลีใต้นับตั้งแต่ช่วงวิกฤติต้มยำกุ้ง ที่บางธนาคารควบรวมกิจการกันเพื่อความอยู่รอด
ซึ่งก็ทำให้ปัจจุบัน เกาหลีใต้มีธนาคารที่ใหญ่ที่สุด 4 แห่ง นั่นก็คือ Kookmin Bank, Shinhan Bank, Hana Bank และ Woori Bank ที่ยังเป็นผู้นำด้านการให้สินเชื่อ ซึ่งมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่คนละ 20-30% และมีอัตราการเติบโตของสินเชื่อโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 8-9% ต่อปี
แต่ธนาคารดั้งเดิมเหล่านี้ กำลังเผชิญการแข่งขันที่ท้าทายจากธนาคารดิจิทัล โดยเฉพาะผู้นำอย่าง KakaoBank ที่ธุรกิจสินเชื่อมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยสูงถึง 60-70% ต่อปี จนมีส่วนแบ่งการตลาดไล่ตามมาเป็น 14% ซึ่งถ้ายังเติบโตด้วยอัตรานี้ อีกไม่นาน KakaoBank จะกลายเป็นธนาคารที่ปล่อยสินเชื่อได้มากที่สุดในประเทศ
ที่สำคัญก็คือ แม้ว่าธนาคารดั้งเดิมต่างก็มีแอปพลิเคชันของตัวเอง แต่แอปพลิเคชันธนาคารที่มีผู้ใช้งานมากสุด กลับกลายเป็น KakaoBank
ตั้งแต่ที่เปิดตัวเมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2017 KakaoBank ก็มีผู้ใช้งาน 3 แสนบัญชีภายใน 24 ชั่วโมงและสามารถแตะระดับ 1 ล้านบัญชีได้ ภายในสัปดาห์แรก
จนถึงปัจจุบัน KakaoBank มีผู้ใช้งาน 16.7 ล้านบัญชี คิดเป็น 32.5% ของจำนวนประชากรเกาหลีใต้ มากกว่าแอปพลิเคชันของธนาคารดั้งเดิมที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดอย่าง Kookmin Bank ที่มีผู้ใช้งานราว 11 ล้านบัญชี ซึ่งน่าสนใจว่าผู้ใช้งานของ Kookmin Bank ลดลงจาก 15 ล้านบัญชีในปี 2019
และเมื่อเทียบกับ K Bank ธนาคารดิจิทัลของบริษัท KT Corporation ที่เปิดตัวเดือนเมษายน ปี 2017 หรือ 3 เดือนก่อนการเปิดตัวของ KakaoBank ปัจจุบันมีผู้ใช้งานเพียง 6.3 ล้านบัญชี
ทั้ง ๆ ที่ K Bank ดูจะได้เปรียบกว่าเพราะมีฐานลูกค้าจากบริการเทเลคอมเกาหลีใต้กว่า 20 ล้านบัญชี แต่บริษัทก็ไม่สามารถดึงลูกค้าให้มาใช้บริการได้
ในขณะที่ KakaoBank มีฐานลูกค้าจากแอปพลิเคชันแช็ต KakaoTalk ราว 40 ล้านบัญชี สามารถเพิ่มจำนวนผู้ใช้งาน KakaoBank ได้อย่างรวดเร็ว
แล้วอะไรเป็นสาเหตุที่ KakaoBank สามารถชนะในตลาดนี้ได้ ?
หนึ่งในเหตุผลหลัก ก็เป็นเพราะว่า KakaoBank มี KakaoPay ที่เป็นบริการชำระเงินเชื่อมกับแอปพลิเคชันแช็ต
ที่ได้เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2014 และได้รับความนิยมสูงมากอยู่แล้ว
อีกส่วนหนึ่งก็เพราะผู้ใช้งาน KakaoBank สามารถโอนเงินระหว่างบัญชี KakaoTalk ได้เลย
จึงทำให้การถ่ายโอนผู้ใช้งานทำได้ง่ายและเร็ว
นอกจากนี้ ก็ยังมีอีกปัจจัยที่ KakaoBank สามารถดึงดูดผู้ใช้งานได้ก็คือ อัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียม
เพราะธนาคารดิจิทัลได้เปรียบธนาคารแบบดั้งเดิมในเรื่องต้นทุนที่ต่ำกว่าจากการที่ไม่มีต้นทุนในการจัดการหน้าสาขา ทำให้ไม่ต้องจ้างพนักงานเป็นจำนวนมาก
ความได้เปรียบในเรื่องต้นทุน จึงทำให้ธนาคารดิจิทัลอย่าง KakaoBank คิดดอกเบี้ยเงินกู้ที่ต่ำกว่าและให้ดอกเบี้ยเงินฝากที่สูงกว่าธนาคารแบบดั้งเดิมได้อย่างมีนัยสำคัญ รวมถึงยังให้บริการด้านอื่น ๆ แบบไม่คิดค่าธรรมเนียม ได้มากกว่าธนาคารแบบดั้งเดิม
ยกตัวอย่างเช่น อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อไมโครของธนาคารดั้งเดิมจะอยู่ที่ 6-19%
แต่ KakaoBank คิดอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อไมโครเพียง 3% ถูกกว่าธนาคารดั้งเดิมมากกว่าครึ่ง
นอกจากความได้เปรียบโดยทั่วไปของธนาคารดิจิทัลแล้ว KakaoBank ยังสร้างจุดแข็งที่เหนือกว่าทุกแอปพลิเคชันธนาคารในประเทศ ด้วยการใส่ใจประสบการณ์การใช้งานของลูกค้าเป็นหลัก
แอปพลิเคชันของธนาคารดั้งเดิมมีจุดอ่อนอยู่หลายด้าน อย่างเช่น การสร้างแอปพลิเคชันแยกหลายอัน สำหรับบริการที่ต่างกัน ทำให้ผู้ใช้งานสับสน รวมไปถึงระบบที่ไม่เสถียร การออกแบบหน้าแอปพลิเคชันใช้งานยาก ขั้นตอนการทำธุรกรรมยังคงซับซ้อนไม่ต่างจากการทำธุรกรรมที่หน้าสาขา
KakaoBank เลยออกแบบหน้าแอปพลิเคชันให้สวยงามและใช้งานง่าย ที่สำคัญคือลดความซับซ้อนและลดเวลาของแต่ละธุรกรรมลง
ยกตัวอย่างเช่น การประเมินความเสี่ยงลูกค้าแบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-KYC ที่มีมาก่อนแล้ว แต่แอปพลิเคชันของธนาคารดั้งเดิมใช้เวลาอนุมัติราว 30 นาที ขณะที่ KakaoBank ออกแบบให้ใช้เวลาอนุมัติแค่ 7 นาที ภายใต้มาตรฐานการประเมินความเสี่ยงแบบเดียวกัน
นอกจากเรื่องการใช้งานที่สะดวกแล้ว KakaoBank ยังประสบความสำเร็จจากการใช้ฐานข้อมูลลูกค้า มาออกแบบบริการใหม่ ๆ ได้ถูกใจผู้ใช้งาน
ยกตัวอย่างเช่น “บัญชีออมเงิน 26 สัปดาห์” ที่ให้ผู้ใช้งานเปิดบัญชีออมทรัพย์เพื่อออมเงินรายสัปดาห์ โดยสามารถตั้งจำนวนเงินออมแต่ละสัปดาห์ได้เอง สามารถเพิ่มลด ช่วงเวลาออมเงินได้เอง รวมถึงสามารถแชร์สถานะการออมลงโซเชียลมีเดียได้ด้วย
บริการนี้ก็เป็นที่นิยมอย่างรวดเร็ว เพราะผู้ใช้งานรู้สึกได้ท้าทายตัวเอง โดยภายในเดือนแรกที่เปิดตัว มีผู้ใช้งานกว่า 3 แสนบัญชี ผ่านไป 4 ปี มีผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 8 ล้านบัญชีในปัจจุบัน
อีกบริการที่เปิดตัวไปเมื่อเดือนตุลาคม ปี 2020 ก็คือ “Mini” บริการสำหรับผู้ใช้งานที่มีอายุระหว่าง 14-18 ปี ที่ยังไม่มีบัญชีออมทรัพย์หรือบัตรเครดิต ให้สามารถซื้อก่อนจ่ายทีหลังได้ โอนเงินได้แม้ไม่มีบัญชีธนาคาร รวมถึงยังออกบัตร Minicard สำหรับให้ใช้จ่ายแบบออฟไลน์ได้ด้วย
บริการ Mini ก็ประสบความสำเร็จอีกเช่นเคย เพราะมีผู้ใช้งานทะลุ 5 หมื่นบัญชีในวันเดียว และทะลุ 5 แสนบัญชีใน 1 เดือน
และนอกจากจะเพิ่มประเภทสินเชื่อและบริการให้ผู้ใช้งานที่เปิดบัญชีกับ KakaoBank เองแล้ว
KakaoBank ยังพัฒนาแพลตฟอร์มของตัวเอง เพื่อรองรับผู้ใช้บริการจากสถาบันการเงินเจ้าอื่นด้วย
ยกตัวอย่างเช่น บริการเปิดบัตรเครดิตของผู้ให้บริการอื่น เช่น Shinhan Card และ Samsung Card
โดยมี KakaoBank เป็นผู้จัดจำหน่ายและใช้กลยุทธ์การดึงดูดลูกค้าด้วยลายบัตรที่เป็นแครักเตอร์จากสติกเกอร์ของ KakaoTalk เอง เช่น Ryan ซึ่งได้รับความนิยมสูงมากอยู่แล้ว คล้ายกับ Moon ของแอปพลิเคชันแช็ต LINE
KakaoBank ยังให้บริการเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นของบริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำ ให้บริการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินอื่น ๆ และล่าสุดก็ได้พัฒนาหน้าแอปพลิเคชันให้แสดงทุกบัญชี จากทุกสถาบันการเงินทั้งหมดที่ลูกค้ามี
ผลจากการตีแตกความต้องการของลูกค้า ก็สะท้อนมาที่ผลการจัดอันดับของ RFi ที่ให้ KakaoBank เป็นแอปพลิเคชันที่ได้คะแนนความพึงพอใจจากผู้ใช้งานมากที่สุดในเกาหลีใต้ 2 ปีซ้อน
ที่น่าสนใจก็คือ ความพึงพอใจของผู้ใช้งาน KakaoBank ในช่วงอายุ 40-50 ปี สูงกว่ากลุ่มที่อายุน้อยกว่า ซึ่งข้อมูลนี้ก็สอดคล้องกับกลุ่มลูกค้าที่ KakaoBank เลือกโฟกัสกลุ่มผู้ใช้งานในเมืองที่มีอายุ 30-50 ปีมาตั้งแต่แรก สวนทางกับบริษัทฟินเทคส่วนใหญ่ที่จะโฟกัสกลุ่มผู้ใช้งานช่วงอายุ 20-30 ปี
เพราะ KakaoBank มองว่าผู้ใช้งานกลุ่มนี้ มีความเข้าใจในบริการทางการเงินมากกว่า และมีรายได้โดยเฉลี่ยสูงกว่า ทำให้โอกาสไม่จ่ายคืนหนี้มีน้อยกว่า เช่นกัน
ซึ่งก็ดูเหมือนว่า KakaoBank คิดถูก เพราะ KakaoBank มีสินเชื่อที่ลูกหนี้ไม่ยอมจ่ายนานกว่า 3 เดือนติดต่อกัน หรือ NPL อยู่ที่ 0.18% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของธนาคารในเกาหลีใต้ที่ 0.55%
ในด้านการทำกำไร แม้ KakaoBank จะเก็บดอกเบี้ยสินเชื่อต่ำและจ่ายดอกเบี้ยเงินฝากสูง ทำให้รายได้สุทธิจากดอกเบี้ยน้อยลง
แต่จากการควบคุมต้นทุนได้ดี เลยทำให้ความสามารถในการทำกำไรจากดอกเบี้ยหรือ NIM อยู่ในระดับเดียวกับค่าเฉลี่ยของธนาคารในเกาหลีใต้
ผลจากความสามารถในการทำกำไรที่ไม่แพ้ธนาคารดั้งเดิมและจำนวนผู้ใช้งานที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เลยทำให้ KakaoBank สามารถทำกำไรได้เป็นครั้งแรกตั้งแต่ไตรมาส 1 ปี 2019 หรือเพียง 18 เดือนหลังจากเริ่มให้บริการเท่านั้น เร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ว่าอย่างน้อยต้องใช้เวลา 3-5 ปี
ซึ่งความเร็วในการทำกำไรนี้ก็ถือว่าผิดปกติไปจากบริษัทฟินเทคโดยส่วนใหญ่ ที่จะยอมขาดทุนมหาศาล เพื่อทุ่มเงินลงทุนเร่งขยายฐานลูกค้าและพัฒนาเทคโนโลยีก่อน อย่าง Nubank เองก็ยังขาดทุนอยู่ หรือ K Bank จากบริษัท KT Corporation ก็เพิ่งทำกำไรได้เป็นครั้งแรกในไตรมาส 2 ปี 2021 ที่ผ่านมา
ขณะที่ KakaoBank ก็ยังเน้นลงทุนเพื่อขยายฐานลูกค้าและพัฒนาบริการเช่นกัน แต่กำไรยังเติบโตเป็นเท่าตัวได้อย่างต่อเนื่อง อย่างล่าสุด กำไรจากการดำเนินงานในช่วงครึ่งแรกของปี 2021 ก็เติบโต 200% โดยยังคงมีรายได้หลักกว่า 70% มาจากดอกเบี้ย
สิ่งที่ต้องจับตามองต่อจากนี้ นอกจากพัฒนาการของ KakaoBank เอง ก็คือคู่แข่งคนสำคัญอย่าง Toss สตาร์ตอัปยูนิคอร์นด้านฟินเทคแรกของเกาหลีใต้ ที่เริ่มเปิดตัวแอปพลิเคชันโอนเงินบนสมาร์ตโฟนเมื่อปี 2015
โดย Toss Bank เพิ่งได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ให้บริการธนาคารดิจิทัลรายที่ 3 ของเกาหลีใต้ ในเดือนกันยายนนี้ แต่จะโฟกัสลูกค้าต่างไปจาก KakaoBank อย่างเช่น ผู้ใช้งานที่อายุน้อยกว่าและเน้นสินเชื่อสำหรับกลุ่มผู้มีคะแนนเครดิตต่ำกว่าค่าเฉลี่ย
และแม้ว่าผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Toss อย่างเช่น บริการชำระเงินและบัญชีซื้อขายหุ้น จะมีฐานลูกค้ารวม 20 ล้านบัญชี แต่เมื่อเทียบกับผู้ใช้งานผลิตภัณฑ์ของอาณาจักร Kakao ที่มีเกือบ 50 ล้านบัญชี หรือเกือบทั้งหมดของประชากรเกาหลีใต้ 51.7 ล้านคน ก็นับว่ายังเป็นเรื่องยากสำหรับ Toss ที่จะชิงฐานลูกค้าไปจาก KakaoBank
และด้วยเรื่องราวทั้งหมดนี้
นั่นจึงทำให้ในเวลาเพียง 4 ปี KakaoBank ได้กลายมาเป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากถึง 1.1 ล้านล้านบาท ใหญ่เป็นอันดับ 10 ในเกาหลีใต้ และได้ขึ้นแท่นเป็นบริษัทธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเกาหลีใต้ ไปแล้วเรียบร้อย..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - ลงทุนแมน
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://asia.nikkei.com/Business/Finance/South-Korea-digital-lenders-challenge-nation-s-traditional-giants
-https://openknowledge.worldbank.org/bitstream/handle/10986/34701/Digital-Banks-Lessons-from-Korea.pdf?sequence=1&isAllowed=y
-https://uniteconomics.substack.com/p/kakao-bank-worlds-most-profitable
-https://www.theedgemarkets.com/article/cover-story-south-korea-experience-how-kakao-bank-forced-traditional-banks-buck
-https://asianbankingandfinance.net/financial-technology/exclusive/how-kakaobank-successfully-cracked-profitability-code-two-years-after
-https://www.koreatimes.co.kr/www/biz/2019/05/126_269111.html
-http://www.koreaherald.com/view.php?ud=20190618000501
-http://www.koreaherald.com/view.php?ud=20210712000783
-http://www.koreaherald.com/view.php?ud=20210817000968
-http://www.koreaherald.com/view.php?ud=20210805000838
-https://www.kedglobal.com/newsView/ked202106110008
同時也有1部Youtube影片,追蹤數超過4,140的網紅JoeBlack周賢忠,也在其Youtube影片中提到,│弓箭傳說ARCHERO│實測!新推出的2600鑽10抽,30秒就⋯⋯ 正常來說300鑽一抽,第二抽280,第三抽260之後都是260, 所以連續10抽,其實好像只省了60鑽石... #acrhero #mobile #mobilegame #弓箭傳說 #手遊 #手機遊戲 -...
rfi 60 在 Tifosi Facebook 的最佳解答
CUBA: SỐNG GIỮA YÊU VÀ GHÉT, ĐỊNH KIẾN, ÁP BỨC VÀ TỎA SÁNG.
Từ năm 2013 đến cuối năm 2018, đã có khoảng 20 ngàn lượt bác sĩ Cuba đến làm việc tại Brazil. Hơn 113 triệu lượt bệnh nhân của "vương quốc bóng đá" đã được cứu chữa. Điều đáng chú ý, khu vực hoạt động của các bác sĩ Cuba tại Brazil chủ yếu ở những nơi vùng sâu, vùng xa, khu vực miền Tây Brazil, lưu vực sông Amazon...
Năm 2018, những lượt bác sĩ Cuba đầu tiên bị buộc phải rời khỏi Brazil do lãnh đạo Brazil khi đó là Bolsonaro cho rằng các bác sĩ này làm việc cho "một chính quyền độc tài, bóc lột". Ngoài ra, một nguyên nhân khá là hài hước khác được vị lãnh đạo này đưa ra, đó phía Cuba không tạo điều kiện làm việc tốt nhất hay cải thiện đời sống sinh hoạt cho các bác sĩ Cuba đang làm việc tại... Brazil (?).
Người dân tại một số bang mà các bác sĩ Cuba từng làm việc đã tổ chức một vài cuộc biểu tình nhỏ để phản đối. Theo RFI, khi Cuba bực tức và đưa các bác sĩ trở về nước, chính quyền Brazil lại đăng đàn phản đối và tiếp tục chỉ trích các bác sĩ đã rời Brazil và phía Cuba là “chế độ độc tài tỏ ra vô trách nhiệm đối với bệnh nhân Brazil” (?)). Điều vô lý ở đây, là chính phía Brazil muốn các bác sĩ Cuba rời đi và khi họ rời đi thật, thì lại kêu ca rằng họ rời đi "vô trách nhiệm". Đúng là không biết sống sao cho vừa lòng thiên hạ.
Năm 2019, một số quốc gia Nam Mỹ khác là Ecuador hay Bolivia cũng đã chọn "quay lưng" với các bác sĩ Cuba. Tại các quốc gia này, các bác sĩ Cuba phải làm việc ở nhiều nơi hẻo lánh tại các địa bàn trên vùng núi cao như tại dãy Andes phủ tuyết. Đầu năm 2020, khi đại dịch Covid-19 tràn vào, các quốc gia này "thấm đòn", họ mới tự đặt ra câu hỏi: Nếu đoàn y bác sĩ Cuba ở lại, liệu họ có thể cứu chữa những mạng sống đó không?
"Không chắc chắn là cứu được hết, nhưng sẽ cứu được nhiều hơn" - Một bác sĩ tại Ecuador bình luận. Hay như lời bác sĩ Ricardo Ramírez đang làm việc tại Ủy ban Chống Tham nhũng ở Guayaquil, Ecuador cho rằng: "Khi họ rời đi, không chuyên gia nào có thể thay thế". Các bác sĩ bản địa cho rằng, những bác sĩ Cuba có chuyên môn rất sâu rộng, nếu giữ họ ở lại, cuộc chiến với đại dịch sẽ không vất vả đến thế. Bên cạnh đó, các bác sĩ Cuba có thể là "cầu nối" giúp chính quyền các quốc gia này thúc đẩy việc mua bán vật tư, thuốc chữa bệnh với phía Cuba chứ sẽ không bị phụ thuộc vào nguồn cung đến từ Mỹ như hiện tại. Nhưng cuộc đời, nếu biết trước được mọi thứ, đã không có "giá như".
"Tại sao ư? Vì bác sĩ Cuba luôn có mặt ở nơi không ai dám đến" - María Bolivia Rothe, một quan chức y tế dưới thời Tổng thống Evo Morales nói.
Ecuador kêu gọi Cuba hỗ trợ y tế trong dịch sốt xuất huyết năm 2001 và sau trận động đất năm 2016.Tại quốc gia này, các bác sĩ Cuba "đến những nơi không ai dám đến", tham gia cứu chữa cho những bệnh nhân ở những khu vực "gần như không có y bác sĩ". Nhưng sau đó, Ecuador đã "quên bẵng" đi mọi thứ, họ thân thiết với Mỹ hơn, sau khi có gói vay từ IMF, Ecuador tiến hành hủy bỏ các thỏa thuận y tế với Cuba, trục xuất các bác sĩ Cuba về nước.
Ngày 07/11/2019, gần như toàn bộ Đại Hội đồng Liên Hợp Quốc bỏ phiếu lên án lệnh cấm vận của Mỹ với Cuba, đây cũng là năm thứ 28, đại đa phần Liên Hợp Quốc phản đối lệnh cấm vận này nhưng phía Mỹ vẫn cho rằng việc Mỹ buôn bán với ai là quyền của họ, việc các quốc gia khác phản bác việc cấm vận là "đáng lo ngại". Chỉ có duy nhất ba đại diện bỏ phiếu chống lại việc lên án này, đó chính là Mỹ, Israel và Brazil. Đó cũng là lần đầu tiên, chính quyền Brazil bỏ phiếu ủng hộ Mỹ, chống Cuba. Cần biết rằng, từ trước đến nay, Cuba và Brazil gần như không có bất đồng chính trị, không xảy ra tranh chấp lãnh thổ, không có xung đột lớn nào trên trường quốc tế.
Theo trang Miamiherald, phía Mỹ cho rằng những "đội quân y tế" của Cuba là một biểu hiện của hành vi vi phạm nhân quyền. Ngoại trưởng Mỹ Mike Pompeo cho rằng phía Cuba đã "cưỡng bức lao động" các y bác sĩ này khi điều 50 ngàn bác sĩ đến hơn 60 quốc gia trên thế giới. Phía Mỹ cho rằng việc hơn 50 ngàn bác sĩ hoạt động tại nhiều quốc gia là một dấu hiệu của nạn buôn người.
Nhưng cần phải chú ý rằng trong số 60 quốc gia mà các bác sĩ Cuba làm việc, không có quốc gia nào lên án, phản đối việc chính quyền Cuba "cưỡng bức" hay "bóc lột" các bác sĩ. Toàn bộ 60 quốc gia mà các chuyên gia Cuba làm việc trực tiếp hiện tại đều bỏ phiếu lên án hành vi cấm vận của Mỹ vào Cuba tại Liên Hợp Quốc.
Trong Call of Duty: Black Ops, người chơi sẽ nhập vai vào là một người lính thực hiện nhiệm vụ ám sát chủ tịch Fidel Castro. Chính người Mỹ từng chua chát thừa nhận rằng, những gì mà người Mỹ không làm được ở ngoài đời, họ sẽ làm trong game.
Mặc kệ những áp bức và bất công, Cuba vẫn cử các "binh đoàn" áo trắng đến các quốc gia khác, từ châu Âu đến châu Á rồi cả châu Phi. Tại Ý, CLB Juventus đã tặng áo có chữ ký của CR7 đến tận tay các bác sĩ Cuba - những người được cử đến Turin, Italy để chống Covid-19. Tại Pháp, chính quyền Paris đã làm việc với chính quyền Cuba tạo điều kiện cho phép các bác sĩ Cuba làm việc tại các lãnh thổ hải ngoại xa xôi.
Cuối tháng 4/2020, hơn 200 chuyên gia y tế Cuba đã đến Nam Phi, bắt đầu nghĩa vụ quốc tế nhằm giải cứu quốc gia này thoát khỏi đại dịch. Thành tích của các chuyên gia y tế Cuba là việc góp phần khiến cho Nam Phi tuy có nửa triệu ca mắc Covid-19 nhưng chỉ có khoảng 10 ngàn người tử vong. Một thành tích khiến các quốc gia y tế phát triển "thèm thuồng".
Những bác sĩ Cuba từng được người dân các nước châu Phi, cụ thể là Liberia, Guinea và Sierra Leona coi là những "thiên thần áo trắng" vì họ là "binh đoàn" đầu tiên tham gia vào cuộc chiến chống đại dịch Ebola vào năm 2014. Cũng chính những bác sĩ Cuba đã được điều động "gần như ngay lập tức" đến Indonesia tham gia khắc phục hậu quả tại thảm họa sóng thần 2014. Năm 2010, họ cũng có mặt tại Haiti để tham gia hỗ trợ khắc phục "thảm họa kép" là động đất và dịch tả.
Mới đây, hàng ngàn lọ thuốc INTERFERON ALFA 2B được điều chế trực tiếp tại Trung tâm Di truyền và công nghệ sinh học Cuba đã đến Việt Nam. Một lần nữa như bao lần trước đó, những liều thuốc viện trợ từ người anh em ở cách xa nửa vòng Trái Đất lại đến chúng ta. Bên cạnh đó, đội ngũ y bác sĩ Cuba cũng sẽ trực tiếp tham gia vào công tác điều trị các bệnh nhân Covid-19 tại Việt Nam. Cần biết rằng, đây là đội ngũ chuyên gia nước ngoài đầu tiên và duy nhất có mặt tại Việt Nam tham gia phòng chống đại dịch.
Thượng tướng Nguyễn Chí Vịnh gọi những người bác sĩ Cuba đến Việt Nam là "đồng chí". Đại sứ Cuba tại Việt Nam là Lianys Torres Rivera gọi việc các chuyên gia Cuba đến Việt Nam là việc "giúp đỡ người anh em lúc hoạn nạn".
Chúng ta có câu: "Bán anh em xa, mua láng giếng gần". Nhưng dường như khi nói về mối quan hệ với người anh em Cuba, thì phải ngược lại mới đúng: "Bán láng giềng gần, mua anh em xa".
Trong lúc chúng ta gặp khó khăn, người anh em Cuba chìa tay ra giúp đỡ "đâu cần anh em có, đâu khó có anh em". Có nhiều người Việt, dường như đã quên "vết sẹo Cuba" ở bả vai, đã quên những gì mà người anh em Cuba đã ủng hộ Việt Nam trong quá khứ và hiện tại, đã quên đi lời nguyện "Vì Việt Nam, Cuba sẵn sàng hiến dâng cả máu thịt của mình", mình cho rằng, những người đã lãng quên đó, là những kẻ vô ơn.
Cuba, vẫn sống giữa lằn ranh yêu và ghét. Đất nước anh em của chúng ta thật là lạ kỳ, họ có nhiều người ghét bỏ, nhưng cũng có rất nhiều người yêu quý. Có nhiều người biết ơn, nhưng cũng có một vài người thù ghét.
Người anh em Cuba của chúng ta, như là nhân vật chính của tác phẩm: "Thép đã tôi thế đấy" vậy.
#tifosi
rfi 60 在 百工裡的人類學家 Facebook 的精選貼文
【rfi】網站在5/26日連續發布了法國《世界報》 上對人類學家菲利普-德斯科拉(Philippe Descola)針對全球COVID-19疫情的訪談中譯稿,這是下篇。
在這下篇文章中,我們看到人類學家德斯科拉進一步帶我們針對疫情進行反思,當中談到了「人類vs.自然」的關係、全球化的結束與人類學的轉折。
從中我們可以到,在當代的人類學已經不能只把焦點擺在「人」之上,而是無可避免地需要把更大的環境觀、脈絡觀納入人文的批判視野之中。
------------------------------
問:這場危機難道不是一個機會,可以讓我們在種植與自然之間,在人類與非人類之間,構想另一種關係?還是相反,我們會因為人畜共患病,而試圖增加“它們”和“我們”之間的距離?
答:進入17世紀時,歐洲出現一種對事物的看法,我稱之為“自然主義”。它的思想基礎是:人類與非人類生活在兩個不同的世界。非人類世界被冠名為“自然”,它可能成為科學探究的對象,無限的資源,象徵的儲存庫。那次心理革命,是工業資本主義與空前發展的科學知識肆無忌憚開發大自然的原因之一。
然而,它使我們忘記了生命鏈是由互相依存的環節組成的,而且其中有些環節沒有生命。可是,我們不可能按照自己的意志,從世界脫身。
假如我們想到:我們每個人的微生物群都是由數萬億個“它們”組成,或者我今天排放的二氧化碳在1000年後仍會影響氣候,那麼,這個“我們”就沒什麼意義。
幾千年來,我們所改變的病毒,微生物,動物,植物,都與我們共享生命的宴席(有時是悲慘的)。認為我們可以離開生命鏈,生活在隔絕的泡泡中的想法是荒謬的
(以上引用網頁原文)
http://www.rfi.fr/cn/%E5%9C%8B%E9%9A%9B/20200526-%E4%BA%BA%E9%A1%9E%E5%AD%B8%E5%AE%B6%E5%BE%B7%E6%96%AF%E7%A7%91%E6%8B%89-%E4%BA%BA%E9%A1%9E%E8%88%87%E9%9D%9E%E4%BA%BA%E9%A1%9E%E5%85%B1%E4%BA%AB%E7%94%9F%E5%91%BD%E5%AE%B4%E5%B8%AD
rfi 60 在 JoeBlack周賢忠 Youtube 的最讚貼文
│弓箭傳說ARCHERO│實測!新推出的2600鑽10抽,30秒就⋯⋯
正常來說300鑽一抽,第二抽280,第三抽260之後都是260,
所以連續10抽,其實好像只省了60鑽石...
#acrhero #mobile #mobilegame #弓箭傳說 #手遊 #手機遊戲
---------------------------
INSTAGRAM https://www.instagram.com/joeblackchou
演藝Facebook https://facebook.com/joeblackchou
YouTube頻道 https://youtube.com/joejoeblackchou
Gaming遊戲直播 https://twitch.tv/joejoeblackchou
電競Facebook https://facebook.com/joejoegaming
---------------------------
(備份自保用)實況存檔 https://youtube.com/JOEstreamcopy