Maleficent: Mistress of Evil (2019) เข้าฉายแล้ววันนี้
• ออร์แกไนเซอร์งานแต่งควรดูเป็นอย่างยิ่ง โปรดักชั่นดีไซน์หนังเจ้าหญิงดิสนีย์แทบทุกเรื่องคืองามแบบดูแพงเว่อร์
• แน่นอนว่าหนังเล่นใหญ่กว่าเดิมมาก ทั้งสเกลฉากแอ็คชั่น และความอลังการในการโชว์ cgi ที่พัฒนาขึ้นในช่วง 5 ปี
• จังหวะในหนังดูจะผิดเพี้ยนไปทุกอย่าง (เพี้ยนแบบหลุดขำมากกว่าหลุดสบถ) ถ้าไม่บังเอิ๊ญยิ่งกว่าละครไทยจนน่าตบคนเขียนบท ก็มักจะผิดอารมณ์เกิ๊น ปรับอารมณ์ไม่ทัน พลิกไวเว่อร์อะไรเงี้ย
• ขอยกให้เจ้าหญิงออโรร่ากลายเป็นเจ้าหญิงหูเบาปั่นง่ายสุดแห่งวงการเจ้าหญิงดิสนีย์ พอมองแบบนี้แล้วการดัดแปลงตัวละครเรื่องอื่นแบบทำตามแอนิเมชั่นเดิมดูดีขึ้นมาเลย
• เห็นไหม ใคร ๆ ก็รู้ว่าวิธีปกครองคนทำง่ายมาก แค่แต่งเรื่องสร้างความหวาดกลัวในสังคม แล้วใช้ความเกลียดชังในการกำจัดศัตรูแบบการล่าแม่มด คุ้นมะ?
-------------------------------------
เทียบกับภาคกำเนิดนางฟ้าปีศาจแล้ว การดำเนินเรื่องดูจะเลื่อนลอยแบบไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าหญิงออโรร่าก็ยังได้ ภาคก่อนมันคือการเปลี่ยนฝั่งเล่าเรื่อง Sleeping Beauty มาฟังมุมมองของมาเลฟิเซนต์ ลดทอนความเป็นปีศาจเพิ่มความรู้สึกจนน่าเห็นใจ จนทำให้ตัวละครที่เคยมีมิติของความร้ายด้านเดียวจากในแอนิเมชั่นดั้งเดิม ถูกเสริมด้วยที่มาที่ไปกลายเป็นพัฒนาการที่เราเห็นความรักความเมตตามาช่วยคานให้เราเห็นคุณธรรมที่ยังคงหลงเหลือในตัวมาเลฟิเซนต์ ส่วนในภาคสองเป็นการขยายตัวละคร(มาขายต่อ) ใช้โลกแฟนตาซีเทพนิยายผสมวังเจ้าหญิงเจ้าชายของเดิมมาเพิ่มด้วยสเกลฉากสงครามจากความขัดแย้งระหว่างสองโลก
.
เราค่อนข้างชอบความผิดเพี้ยนของจังหวะในหนังเป็นอย่างมาก ไม่แน่ใจว่าผู้กำกับตั้งใจให้มันซีเรียส(แต่ชวนหลุดขำ เช่นฉากลองจุมพิตสิ หรือแบบเข้าสู่อ้อมกอดพอดิบพอดี) หรือเจตนาจะทำให้เป็นมุกตลกอยู่แล้วบนความซีเรียส ไม่ว่าจะแบบไหนผลลัพธ์ที่ออกมาสร้างความบันเทิงมาก ๆ อารมณ์ตอนดูจบคือไม่ได้หงุดหงิดกับอะไรเหล่านี้ ตรงกันข้ามเรากลับหันไปหัวเราะกับคนรอบตัวถึงความผิดเพี้ยนของฉากต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในหนังตลอดทั้งเรื่อง โดยเฉพาะความบังเอิญเจอห้องไคลแม็กซ์ตลอดของเจ้าหญิงออโรร่า ภาคก่อนวังตั้งใหญ่ก็เจอปีกเก่งในจังหวะพอดี๊พอดี ภาคนี้มันยังมีอะไรแบบนั้นให้ตลกได้ตลอด เอาจริงแล้วนางอาจจะมีพลังแฝงในการเดินวังเจอความลับโป๊ะ ๆ ทุกภาคเป็นกิมมิคไปเลย
.
เส้นเรื่องความรักภาคนี้ค่อนข้างจืดและคลี่คลายได้ง่ายเว่อร์ไปหน่อย ด้วยความที่ออโรร่าโดนปั่นง่าย หูเบาเว่อร์จนนึกสงสัยว่าอะไรทำให้นางซื่อได้ขนาดนั้น มันเลยกลายเป็นเรื่องตลกมากกว่าที่ได้เห็นนางพลิกไปพลิกมา ความรักกับเจ้าชายไม่ได้มีความโรแมนติกอะไรเมื่อเทียบกับเจ้าหญิงคนอื่น ๆ ฉากเดียวที่พอจะพูดถึงได้คงเป็นการบอกรักในตัวตนเจ้าหญิงแห่งเมืองมัวส์ ที่ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงเพื่อใคร ส่วนความรักกับแม่ทูนหัวคงยากจะสู้ดราม่าในภาคก่อนที่เส้นเรื่องทำไว้แข็งแรงพอแล้ว
.
เอาเป็นว่าถ้าจะดู Maleficent: Mistress of Evil ให้เปิดโหมดเตรียมบันเทิงไว้ละกัน กำหมัดแน่น ๆ ไว้ด้วยเพราะตัวร้ายมาร้ายแบบชวนโกรธเอามาก ๆ อีกอย่างคือเข้าไปเสพงานโปรดักชั่นสุดอลังการที่ผ่านการออกแบบมาอย่างดี เรารู้สึกว่ามันเป็นหนังแฟนตาซีชวนฝันที่หากจะแต่งงานหรือขอสาวแต่งงานแบบโรแมนติกเทพนิยายก็น่าจะฟีลประมาณในหนังเนี่ยแหละ หลายฉากท่ามกลางหมู่ไม้ดอกไม้มันดูสวยแบบอยากเป็นส่วนหนึ่งในนั้นกันไปเลย อยากเห็นแรงบันดาลใจในการสร้างฉากพวกนี้ขึ้นมาเหมือนกันว่าอ้างอิงมาจากไหนบ้าง น่าตามรอยมาก
ป.ล. แน่ใจนะว่า แอล แฟนนิ่ง แก่ขึ้น 5 ปีแล้วอ่ะ เหมือนอายุเท่าเดิมเลย ฮ่าๆๆ
ป.ล.2 ชอบความพยายามเป็นคนปกติของมาเลฟิเซนต์มาก โจลี่แสดงได้ตล๊กตลก
Director: Joachim Ronning (ผู้กำกับ Pirates of the Caribbean: Salazar's Revenge)
story: Linda Woolverton
screenplay: Micah Fitzerman-Blue, Noah Harpster, Linda Woolverton
Genre: action, adventure, fantasy, romance
7/10
ronning 在 RONNING - Facebook 的推薦與評價
RONNING. 461 likes. European Made Apparel & Accessories... ... <看更多>