กรณีศึกษา ทำไมคนญี่ปุ่น ชอบถือเงินสด มากกว่าลงทุนในหุ้น /โดย ลงทุนแมน
รู้ไหมว่า ตลาดหุ้นญี่ปุ่นนั้นก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1878 หรือเมื่อ 143 ปีที่แล้ว และมีบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นญี่ปุ่นมากกว่า 2,000 บริษัท ในปัจจุบัน
และรู้หรือไม่ว่า ต้นปี 2021 มูลค่าของตลาดหุ้นญี่ปุ่นนั้นสูงกว่า 190 ล้านล้านบาท ซึ่งถือเป็นตลาดหุ้นที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก
หลายคนอาจคิดว่า คนญี่ปุ่นคงชอบลงทุนในหุ้น มากกว่าสินทรัพย์อื่น
แต่ความจริงแล้ว กลับไม่เป็นเช่นนั้น..
แล้วคนญี่ปุ่นเมื่อมีเงินแล้ว พวกเขาเอาไปเก็บไว้ที่ไหน ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
เราลองมาเทียบกันดูก่อนว่า ส่วนใหญ่แล้วคนญี่ปุ่นชอบถือครองสินทรัพย์อะไร และเมื่อเทียบกับประเทศอื่นอย่างสหรัฐอเมริกาและยุโรป มีความแตกต่างกันมากน้อยแค่ไหน
ข้อมูลจากธนาคารกลางญี่ปุ่นระบุว่า ในปี 2018 ครัวเรือนญี่ปุ่น ถือครองสินทรัพย์มูลค่ารวมกันกว่า 558 ล้านล้านบาท
โดยจำนวนนี้ ถ้าแบ่งตามสัดส่วนจะเป็น
- เงินสดและบัญชีเงินฝาก 52%
- ประกันและบำนาญ 28%
- หุ้นและกองทุนรวม 15%
- อื่น ๆ 5%
ที่น่าสนใจคือ เมื่อเทียบกับคนยุโรปและคนอเมริกัน ที่มีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นและกองทุนรวม ต่อมูลค่าสินทรัพย์ถือครอง เท่ากับ 28% และ 31% ตามลำดับ
จึงแสดงให้เห็นว่าคนญี่ปุ่นไม่ค่อยสนใจการลงทุนในหุ้นและกองทุนรวมมากนัก และยังชอบถือครองเงินสด ด้วยการฝากเงินไว้ในธนาคารจำนวนมากอีกด้วย
ทั้ง ๆ ที่รู้ว่า อัตราดอกเบี้ยเงินฝากในญี่ปุ่นนั้น อยู่ในระดับที่ต่ำมาต่อเนื่องหลายปี แม้กระทั่งในปัจจุบันก็อยู่ที่ประมาณ 0%
คำถามสำคัญก็คือ ทำไมคนญี่ปุ่น ยังเลือกที่จะฝากเงินกับธนาคารจำนวนมาก แทนที่จะนำเงินไปลงทุนในหุ้นและกองทุนรวม ที่มีโอกาสได้ผลตอบแทนที่สูงกว่า ?
เหตุผลที่อธิบายเรื่องนี้ สามารถสรุปออกมาได้ 3 ประเด็น คือ
1. ประสบการณ์ที่เลวร้ายจากเหตุการณ์ฟองสบู่แตกครั้งใหญ่ในญี่ปุ่น
หลังจากที่ญี่ปุ่นพ่ายแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี 1945 ญี่ปุ่นก็เริ่มเข้าสู่ระยะของการฟื้นฟูประเทศ ช่วงหลังจากนั้นเป็นต้นมา เศรษฐกิจของญี่ปุ่นก็เติบโตแบบก้าวกระโดด
ในช่วงปี 1961-1971 เศรษฐกิจญี่ปุ่นเติบโตอย่างรวดเร็ว เฉลี่ยกว่า 9% ต่อปี และเติบโตมาอย่างต่อเนื่องเรื่อยมา จนถึงในช่วงทศวรรษ 1980
ในตอนนั้น ผลกำไรของบริษัทในญี่ปุ่นอยู่ที่ระดับสูงสุดในประวัติศาสตร์ของบริษัท และธนาคารหลายแห่งมีการปล่อยกู้ให้แก่บริษัทจำนวนมาก
การเติบโตทางเศรษฐกิจทำให้ทั้งบริษัทและผู้คนในญี่ปุ่นต่างร่ำรวย จนเกิดการเข้าไปเก็งกำไรราคาสินทรัพย์ต่าง ๆ รวมทั้งอสังหาริมทรัพย์
ราคาหุ้นในตลาดปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ดัชนี Nikkei ที่สะท้อนตลาดหุ้นญี่ปุ่น พุ่งขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง จนเกือบแตะ 40,000 จุด ในปี 1989 จากระดับประมาณ 8,000 จุดในปี 1982
พอเรื่องเป็นแบบนี้ ธนาคารกลางญี่ปุ่นจำเป็นต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายจาก 2.5% ในปี 1989 มาอยู่ที่ 6% ในปี 1990 เพื่อเพิ่มต้นทุนการกู้ยืม ไม่ให้เกิดการกู้ไปเก็งกำไรในสินทรัพย์ต่าง ๆ
จนสุดท้าย เมื่อแรงเก็งกำไรเริ่มอ่อนลง ก็ถึงคราวฟองสบู่ลูกใหญ่ระเบิดออก
ราคาสินทรัพย์ต่าง ๆ และราคาอสังหาริมทรัพย์ ก็เริ่มปรับตัวลดลง และลดลงเรื่อย ๆ จนหลายคนเจ็บตัวอย่างหนักจากการลงทุน
วิกฤติฟองสบู่ครั้งใหญ่ในครั้งนั้น ทำให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นหลังจากนั้นมาหลายสิบปีแทบจะหยุดอยู่กับที่ และเป็นแบบนี้มาแล้วราว 3 ทศวรรษ
ซึ่งนี่เองเป็นหนึ่งเหตุผลสำคัญ ที่ทำให้คนญี่ปุ่นจำนวนมาก รู้สึกขยาดกับการลงทุนโดยเฉพาะในตลาดหุ้น รวมทั้งยังปลูกฝังความคิดนี้มายังรุ่นลูกรุ่นหลานต่อ ๆ มา จนถึงตอนนี้
2. ภาวะเงินเฟ้อฝืด
ผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจในช่วงต้นทศวรรษ 1990 ส่งผลโดยตรงต่อภาคครัวเรือน
รายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือนของคนญี่ปุ่นนั้นลดลง จากการที่หลายคนต้องตกงาน ซึ่งเรื่องนี้ส่งผลโดยตรงต่อการบริโภคและการลงทุนภายในประเทศ
ข้อมูลจาก Statista ระบุว่า ในช่วงปี 1990-2020
ญี่ปุ่นประสบกับภาวะเงินฝืด (เงินเฟ้อติดลบ) ทั้งหมด 14 ปี
ซึ่งเมื่อใดก็ตามที่เศรษฐกิจอยู่ในภาวะเงินฝืด นั่นหมายความว่า ราคาสินค้าและบริการมีแนวโน้มที่จะลดลง
พอเรื่องเป็นแบบนี้ ชาวญี่ปุ่นจึงเกิดแรงจูงใจในการถือเงินสด มากกว่าที่จะนำเงินออกไปใช้จ่าย หรือชะลอการใช้จ่ายออกไปก่อน เพราะพวกเขาเชื่อว่า ในอนาคตเงินจำนวนเท่าเดิมนั้นจะสามารถซื้อสินค้าและบริการได้มากกว่าในปัจจุบัน และนำเอาเงินไปฝากกับธนาคารไว้ก่อนนั่นเอง
3. ความรู้ ความเข้าใจด้านการเงิน ของคนญี่ปุ่น
หลายคนคงแปลกใจถ้าบอกว่า ประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างญี่ปุ่น มีคนจำนวนไม่น้อยที่ขาดความรู้ด้านการเงิน
ซึ่งเรื่องนี้ มีผลการสำรวจของธนาคารกลางญี่ปุ่นระบุว่า ประชาชนชาวญี่ปุ่นนั้นมีความรู้ด้านการเงินน้อยกว่าประชาชนในประเทศพัฒนาแล้วอื่น ๆ อย่างเช่น สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และเยอรมนี
การขาดความรู้ความเข้าใจทางด้านการเงิน ทำให้คนญี่ปุ่นจำนวนมาก กลัวการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยง และชอบในการเก็บเงินออมด้วยการฝากธนาคารที่มีความเสี่ยงน้อยกว่า
นอกจากนี้ โรงเรียนในญี่ปุ่นก็ไม่ค่อยให้ความสำคัญกับเรื่องการลงทุนเท่าที่ควร โดยศาสตราจารย์ Nobuyoshi Yamori ที่สอนสาขาวิชาเศรษฐกิจและธุรกิจแห่งมหาวิทยาลัยโกเบ ระบุว่า
“โรงเรียนส่วนใหญ่ในญี่ปุ่น ใช้เวลาสอนเรื่องการเงินการลงทุนให้นักเรียนน้อยมาก ขณะที่ครูที่มาสอนวิชาดังกล่าวก็ไม่ได้รับการฝึกอบรม หรือมีความรู้ ความเข้าใจ ในด้านการเงินการลงทุนที่ดีมากนัก”
จึงทำให้เด็กญี่ปุ่นจำนวนมากขาดความรู้ด้านการเงิน ซึ่งส่งผลให้เมื่อทำงานมีรายได้แล้ว พวกเขาเลือกที่จะฝากเงินกับธนาคาร มากกว่านำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์อื่น ๆ โดยเฉพาะหุ้น
อ่านมาถึงตรงนี้ เราก็น่าจะเข้าใจว่าทำไมที่ผ่านมา คนญี่ปุ่นจำนวนมากตัดสินใจถือเงินสด หรือฝากเงินไว้กับธนาคารอย่างมากและไม่ค่อยชอบการลงทุนในหุ้นมากนัก ทั้ง ๆ ที่ญี่ปุ่นก็เป็นประเทศที่มีตลาดหุ้นที่มีขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
รู้ไหมว่าปัจจุบัน เงินเยนของญี่ปุ่น เป็นสกุลเงินที่ถูกใช้ซื้อขายบิตคอยน์มากที่สุดอันดับที่ 2 ของโลก เป็นรองเพียงแค่เงินดอลลาร์สหรัฐ
ซึ่งเราอาจบอกได้ว่า แม้คนญี่ปุ่นจำนวนมาก จะไม่ชอบสินทรัพย์เสี่ยงสูง และนิยมฝากเงินไว้ในธนาคาร
แต่ในทางกลับกันก็มีคนญี่ปุ่นจำนวนไม่น้อย ที่หันมาลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูง อย่างบิตคอยน์
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://www.stat.go.jp/english/data/handbook/pdf/2020all.pdf
-https://data.worldbank.org/indicator/NY.GDP.MKTP.KD.ZG?locations=JP
-https://en.wikipedia.org/wiki/Tokyo_Stock_Exchange
-https://www.statista.com/statistics/710680/global-stock-markets-by-country/
-https://tradingeconomics.com/japan/deposit-interest-rate
-https://en.wikipedia.org/wiki/Demographics_of_Japan
-https://data.worldbank.org/country/JP
-https://en.wikipedia.org/wiki/Lost_Decades
-https://www.statista.com/statistics/270095/inflation-rate-in-japan/
-https://www.fsa.go.jp/frtc/kenkyu/event/20150305/s3_2.pdf
-https://www.investopedia.com/tech/top-fiat-currencies-used-trade-bitcoin/
-https://globalriskinsights.com/2021/06/japans-cryptocurrency-market-set-to-bloom-or-wither/
同時也有13部Youtube影片,追蹤數超過6萬的網紅HeroAthletes,也在其Youtube影片中提到,Code ส่วนลดสิทธิพิเศษสำหรับเพื่อนๆชาว Hero Athletes Hero Athletes ใช้ Code [Hero10] รับส่วนลด 10% http://www.heroathletes.com/shop Bench Fitness ใช...
「set ความรู้」的推薦目錄:
set ความรู้ 在 วรัทภพ รชตนามวงษ์ warattapob.com Facebook 的最讚貼文
💥 4 กลยุทธ์ วิธีรับมือลูกค้า “หมดไฟช้อป” 💥
เมื่อต้องเจอกับสถานการณ์เศรษฐกิจบ้านเมืองที่ตกต่ำเช่นนี้ แถมไม่พอยังต้องมาเจอกับวิกฤตจากโรคไวรัสโคโรน่าเข้ามารุมเร้าในช่วงปีที่ผ่านมานี้ เรียกได้ว่าพอกำลังจะเริ่มปรับตัวดีขึ้นก็มาเจอกับมรสุมคลื่นลูกใหม่ซัดถาโถมเข้ามาอีก จนทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจหลายคน “ปรับตัว” แทบไม่ทันกันเลย บ้างก็ล้มทั้งยืน ซึ่งไม่ใช่เฉพาะแต่ผู้ประกอบการเท่านั้น ที่ได้รับ “ผลกระทบ” จากสิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้ แต่ยังส่งผลกระทบไปถึงตัว “ลูกค้า” ด้วยเหมือนกัน
♻️⚠️เมื่อต้องเจอกับ “สภาพปัญหา” ที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ แบบนี้ ลำพังแค่ว่าประคองชีวิตให้ผ่านพ้นไปได้ในแต่ละวันนั้นก็ถือว่ายากแล้ว ยังต้องมาตกอยู่ในภาวะแวดล้อมใน “การแข่งขันที่ดุเดือดทางธุรกิจ” และต่างก็พยายามแย่งชิงลูกค้ากัน ด้วยการสร้างสินค้าออกมาเป็นตัวเลือกมากมาย จึงทำให้เกิดความ “เบื่อหน่ายและถึงจุดอิ่มตัว” จนเกิดเป็นเทรนด์ใหม่ที่เรียกว่า “The Compressionalist” หรือภาวะหมดแรง หมดไฟของลูกค้าที่แม้แต่การเลือกจับจ่ายใช้สอย ก็ยังไม่มีกะจิตกะใจที่จะทำ เรียกง่ายๆ ว่า หมดไฟช้อปนั่นแหละ ดังนั้นการมีสินค้าที่หลากหลายอาจไม่ใช่คำตอบสำหรับลูกค้าในยุคแบบนี้ก็ว่าได้ จะทำอย่างไรเมื่อลูกค้าเปลี่ยนไป SME ลองมาตั้งรับกันดูครับ
⚡1.ทำน้อย แต่ได้มาก
เมื่อลูกค้ารู้สึกหมดไฟไม่มีกะจิตกะใจที่จะทำอะไร แม้แต่ความสนุกในการช้อปปิ้ง สิ่งแรกเลยนะครับ ที่ผู้ประกอบการควรทำเพื่อรับมือ คือ เปลี่ยน “Mind Set หรือ วิธีคิด” ของตัวเองก่อน จากเดิมที่เคยคิดว่ามีสินค้าเท่าไหร่ ก็ใส่ให้เต็มหมด ยิ่งมีหลากหลายตัวเลือกลูกค้าก็จะยิ่งชอบ ลองเปลี่ยนมาเป็นคัดเฉพาะที่คิดว่ามีคุณภาพ และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ามากที่สุด
⚡2.เลือกให้เลย
นอกเหนือ จากการเลือกผลิตหรือคัดเลือกแต่เฉพาะสินค้าเท่าที่ “จำเป็น” ไม่มากเกินไป และไม่น้อยเกินไปแล้ว ผู้ประกอบการยังอาจสามารถสร้างสินค้าดาวเด่นหรือสินค้าแนะนำขึ้นมา เพื่อชูเป็นทางเลือกอันดับต้น ๆ ให้กับลูกค้าด้วยได้เช่นกัน ซึ่งลูกค้าอาจต้องการการเลือกซื้อที่รวดเร็ว ขณะเดียวกันก็คุ้มค่า คุ้มราคา วิธีนี้นอกจากจะช่วยให้ลุกค้าประหยัดเวลา ไม่ต้องตัดสินใจเลือกเยอะแล้ว ยังอาจเป็นการกระตุ้นยอดขายให้ของที่ขายดีอยู่แล้ว ยิ่งขายดียิ่งขึ้นไปอีก
⚡3.ง่ายเข้าไว้
ไม่ใช่แค่การคัดเลือกแต่ผลิตภัณฑ์ที่จำเป็นเท่านั้น ในการออกแบบช่องทางการเลือกซื้อให้ง่ายและสะดวก สามารถชำระเงินที่หลากหลาย รูปแบบการเลือกซื้อที่ง่ายไม่ว่าออฟไลน์ หรือออนไลน์ ไปจนถึงการออกแบบการในการจัดส่งสินค้า ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกสบายมากขึ้นให้กับลูกค้าได้ดี และยังช่วยให้ประหยัดเวลา ซึ่งอาจเป็นอีกปัจจัยทางเลือกที่ทำให้ลูกค้า หันมาอุดหนุนซื้อสินค้ามากขึ้นก็ได้
⚡4.อย่าลืมนำข้อมูลมาใช้
สุดท้ายจริงอยู่ที่การจะรับมือผู้บริโภคแบบ The Compressionalist คือ ต้องทำทุกอย่างให้ง่ายเข้าไว้ครับ เพื่อประหยัดเวลา ลดภาระในการตัดสินใจเลือกให้กับลูกค้า แต่การจะคัดเลือกสิ่งที่คิดว่าลูกค้าต้องการจริงๆ ได้ผู้ประกอบการก็ต้องมีแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือได้ด้วย ไม่ใช่การคิดขึ้นมาแบบลอย ๆ โดยอาจอาศัยวิธีจากการสอบถามความต้องการกับลูกค้าโดยตรง ดูจากสถิติยอดขายที่เกิดขึ้น กระแสหรือเทรนด์ที่มาแรง ความต้องการต่างๆ ในขณะนั้นด้วย จากนั้นนำมาใช้วิเคราะห์และเลือกสินค้าให้ตรงกับที่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายต้องการ ก็จะทำให้การตัดสินใจดังกล่าวมีความแม่นยำมากขึ้นด้วย
‼️เมื่อคุณทราบแบบนี้แล้ว การเตรียมรับมือกับพฤติกรรมลูกค้ารูปแบบใหม่นั้น ก็จะเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น ซึ่งหากผู้ประกอบการธุรกิจสามารถเตรียมตัวตั้งรับเอาไว้ก่อนล่วงหน้าได้ คงไม่ยากเกินไปที่จะดำเนินกิจการให้ผ่านพ้นไปได้อย่างราบรื่นอีกปีนะครับ🔥
หรือถ้าหากคุณอยากทราบ “วิธีรับมือ”ลูกค้าที่หมดไฟช้อป แต่ไม่รู้จะเริ่มอย่างไรก่อนดี ผมขอแนะนำให้คุณเข้าร่วมสัมมนาออนไลน์ฟรี‼ โดยใช้กลยุทธ์ WAR-KETING™ ลิขสิทธิ์เฉพาะของผมเพิ่มเติมได้
✅โดยคลิกลิงก์นี้ 👉 http://bit.ly/390GpJG
หรือแอดไลน์มาที่👉 @war-keting
หรือคลิกลิงก์นี้เพื่อถามข้อมูลเพิ่มเติมได้นะครับ 👉 http://bit.ly/37KU3Be
==============
วรัทภพ รชตนามวงษ์
#หาเงิน #หาเงินออนไลน์ #หาเงินง่ายๆ #หาเงินด้วยตัวเอง #ขายของออนไลน์อะไรดี #ขายของ #ขายของออนไลน์ #การตลาด #การตลาดออนไลน์ #ธุรกิจ #การเงิน #คุยกับวรัทภพ #tiktalk #tiktok #พัฒนาตนเอง #พัฒนาตัวเอง #อยากรวย #รวย #แรงบันดาลใจ #ความสำเร็จ #ประสบความสำเร็จ #รวยเร็ว #สำเร็จ #กำลังใจ #ความรู้ #วรัทภพ #warattapo
set ความรู้ 在 โปรแกรมเมอร์ไทย Thai programmer Facebook 的最佳解答
🤓 Data mining คืออะไรในวิชาทางคอม
มาเดี่ยวเล่าให้ฟัง
วิชานี้แปลตรงตัวก็คือ "การทำเหมืองข้อมูล"
อุปมาก็คล้ายกับเราไปทำเหมืองแร่ที่ขุดมาจากใต้ดินแหละครับ
.
แต่เหมืองที่ว่าเป็นเหมืองของข้อมูลดิบที่มีขนาดใหญ่นั่นเอง
.
คราวนี้จะให้ลองนึกถึงเวลาใช้คำสั่ง SQL เราจะรู้อยู่แล้วว่า
ข้อมูลมันอยู่ตรงไหนใน (Table) ใช่มั๊ยละ
พอเราใช้คำสั่ง select * from .... where...
ก็เลือกข้อมูลมาได้ตามต้องการ
.
แต่ถ้าเป็นคลังของข้อมูลดิบบบบบบบบบ
ที่มีปริมาณมาก ๆ เช่น
ข้อมูลเว็บไซต์ในโลกอินเตอร์เนตที่มีเยอะมาก ๆ
ข้อมูลพวกนี้จะใช้ SQL ค้นหาไม่ได้หรอกครับ
ข้อมูลยังไม่แยกเป็นตารางเลย
.
แล้วอย่างนี้ข้อมูลที่เราต้องการอยากรู้
ได้แก่ "ความรู้" หรือ "Knowledge"
ซึ่งความรู้ที่ว่า ไม่ใช้ข้อมูลแบบที่คิวรี่โดย SQL นะ
แต่จะได้เป็นความรู้ในฐานข้อมูล (Knowledge Discovery in Database - KDD)
ซึ่งก็คือ รูปแบบ (pattern) และความสัมพันธ์ (associations) ที่แอบซ่อนอยู่ในชุดข้อมูลนั้นๆ
.
🤔 ซึ่งคำถาม แล้วเราจะหาเจอได้ยังไง?
ภายใต้ข้อมูลดิบที่มีเยอะเหลือเกิ๊น
แถมหายากอีกต่างหากละพี่น้อง?
.
ดังนั้นเราจึงหนีไม่พ้นต้องมาทำเหมืองข้อมูลกัน
ช่างไม่ต่างอะไรกับทำเหมืองแร่
กว่าเราจะเจอ ดีบุก ถ่านหิน เพชร พลอย ทอง ฯลฯ
โอ๋ต้องใช้เทคโนโลยี ขุดเจาะหากว่าจะเจอ
ไม่ใช่ของกล้วย ๆ เลยนะครับ
เพราะกว่าจะได้สิ่งมีค่าออกมา
ก็เจอแต่เศษหิน เศษกราด เยอะแยะเต็มไปได้
สิ่งที่ต้องการอยากได้มีน้อยนิดเหลือเกิน
.
Data mining ก็เช่นกัน
กว่าจะทำการขุดๆ และขุด
จนได้ความรู้ออกมา
มันทำไม่ได้ง่ายๆ ต้องใช้คอมทำ
ต้องมีอัลกอริทึมให้ทำงานอัตโนมัติ
ทำด้วยมือคนไม่ไหว ตายลูกเดียว
.
ด้วยเหตุนี้วิชา Data mining
จึงถือกำเนิดอุแว้ขึ้นมาในยุค 1970
ซึ่งมันเป็นศาสตร์ที่ต้องเอาหลาย ๆ วิชารวมกัน
หลัก ๆ ก็วิชา -> Machine Learning(สาขาหนึ่งของวิชา AI) + วิชาสถิติ + ฐานข้อมูล
.
สำหรับประโยชน์ของ Data mining
ทำให้การค้นหาความรู้จากข้อมูล
มันอิจฉริยะขึ้นครับ ไม่ต้องทำมือเอง
แต่ใช้คอมทำให้อัตโนมัติ ซึ่งจะมีประโยชน์มาก ๆ ตัวอย่าง เช่น
.
-ใช้จัดระดับความเสี่ยงของผู้ขอเครดิต เป็นระดับต่ำ กลาง และสูง
-ทำนายพฤติกรรมการซื้อสินค้า ว่าลูกค้าจะหยิบอะไรใส่รถเข็น
-หาความเสี่ยงของผู้ป่วยเป็นโรงมะเร็ง จากผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่า
-หาเนื้อคู่เรา (อันนี้ล้อเล่นนะ ไม่รู้ว่ามีใครสนใจทำจริงเปล่า อิ ๆ ๆ)
และประโยชน์อื่น ๆ อีกเยอะมาก เป็นต้น
.
** หมายเหตุ
Data mining มันมีมานานแล้ว สมัยยังไม่ดังเท่าไร
ไม่เหมือน Data Science ซึ่งจะรู้จักมากกว่าในยุคนี้
เพราะเด็กม. 5 ก็จะได้เรียน Data Science กันแหละ
ในวิชาหลักสูตรใหม่แกะกล่องชื่อ "วิทยาการคำนวณ"
.
ถ้าเปรียบเทียบกับงาน
Data analysis กับ Data science
มันก็คือซับเซทหนึ่งนั่นเองตามรูปที่โพสต์
ซึ่งวิชาพวกนี้หนีไม่พ้นโยงใยไปในเรื่อง Machine Learning(สาขาหนึ่งของวิชา AI)
.
✍เขียนโดย โปรแกรมเมอร์ไทย thai progammer
.
.
++++++++++++++++++++++++++++
+++++ต่อไปขออนุญาติขายของนะ +++++
📔 หนังสือ "ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ไม่ยาก" เข้าใจได้ด้วยเลขม. ปลาย (เนื้อหาภาษาไทย)
.
ถ้าสนใจสั่งซื้อเล่ม 1 ก็สั่งซื้อได้ที่
👉 https://www.mebmarket.com/web/index.php…
.
ขออภัยยังไม่มีเล่มกระดาษจำหน่าย มีแต่ ebook
.
ส่วนตัวอย่างหนังสือ ก็ดูได้ลิงค์นี้
👉 https://www.dropbox.com/s/fg8l38hc0k9b…/chapter_example.pdf…
.
✍เขียนโดย โปรแกรมเมอร์ไทย thai programmer
🤓 What is Data mining in computer subjects?
I'll tell you about it.
This subject translates right to ′′ data mining
The metaphor is similar to us to a mining that digs from underground.
.
But the mine is mine of raw data that is large.
.
This time I think about SQL order time. We will know that.
Where is the information in (Table)?
When we use select khả s̄ạ̀ng from.... where...
You can choose the information you want.
.
But if it's a treasury of raw data.
With lots of quantities like
There are a lot of websites in the internet world.
These information will be used by SQL.
Info is not separate yet.
.
And this is what we need to know.
′′ Knowledge ′′ or ′′ Knowledge ′′
Knowledge of not using Cory by SQL
Knowledge Discovery in Database - KDD)
Which is a pattern (pattern) and a relationship (associations) hidden in that data set.
.
🤔 which is the question, how can we find it?
Under raw data, there are plenty of them left.
Plus, it's hard to find, brothers?
.
So we can't escape. Let's do data mines.
What a difference to mining
Until we meet, coal tin, diamonds, gold, etc.
Oh, it takes a drilling technology to find it.
It's not a banana item.
Because it takes worth to get out of stock.
I have found a lot of rubble, rubble, and graphic. I can get full of it.
Wishlist is so little
.
Data mining as well.
Until I do the digging and digging.
I got the knowledge.
It can't be done easily. It takes a computer to do.
Algorithm needs to be automated
Handmade. I can't take it. I die.
.
For this reason, Data mining subject.
So it was born in the 1970 s.
It's a science that takes many subjects together.
Mainly subject -> Machine Learning (one branch of AI subject) + statistics wichā database
.
For the sake of Data mining
Make a knowledge search from information
It's a genius. Don't have to do it yourself.
But using a computer to automate which is very useful. Samples like.
.
- Take the risk of creditors low, middle and high level
- predict product buying behavior that customers will add something to cart
- Finding the risk of cancer patients from coronavirus infected people.
- Looking for my soulmate (I'm kidding. I don't know if anyone wants to do it for real. Haha.)
And many other benefits etc.
.
** Note **
Data mining. It has been a long time. When I wasn't famous.
Unlike Data Science which will know more in this era.
Because of the middle school boy. 5 I will be studying Data Science.
In a new course, unpacking the name ′′ Computational Science ′′
.
If compare to the work
Data analysis กับ Data science
It's a subtitle, one according to the photos posted.
The subjects are unavailable to machine learning (one branch of AI)
.
✍ Written by Thai programmer thai progammer
.
.
++++++++++++++++++++++++++++
+++++ Next, I ask for permission to sell items +++++
📔 The book ′′ Artificial Intelligence (AI) is not difficult It can be understood by the number of years. Tips (Thai language content)
.
If interested in ordering book 1, order at.
👉 https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTcyNTQ4MyI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjY6IjEwODI0NiI7fQ&fbclid=IwAR11zxJea0OnJy5tbfIlSxo4UQmsemh_8TuBF0ddjJQzzliMFFoFz1AtTo4
.
Sorry, no paper booklets are available. Only ebooks.
.
Personal like the book, please see this link.
👉 https://www.dropbox.com/s/fg8l38hc0k9b0md/chapter_example.pdf?dl=0
.
✍ Written by Thai programmer thai coderTranslated
set ความรู้ 在 HeroAthletes Youtube 的精選貼文
Code ส่วนลดสิทธิพิเศษสำหรับเพื่อนๆชาว Hero Athletes
Hero Athletes ใช้ Code [Hero10] รับส่วนลด 10%
http://www.heroathletes.com/shop
Bench Fitness ใช้ Code [Hero5] รับส่วนลด 5%
https://benchfitness.com/
Cerberus Strength ใช้ Code [Hero5] รับส่วนลด 5%
https://cerberus-strength-th.com/collections/all-products
Nutrition Depot ใช้ Code [Hero15] ลด 15% สินค้าในหมวด Whey Protein, Mass Gainer
https://nutritiondepot.co.th
The Bricket ใช้ Code [Hero20] รับส่วนลด 20%
http://thebricket-co.page365.net/
Concept Creations ใช้ Code [Hero10] รับส่วนลด 10%
https://conceptcreations.co
ราคาพิเศษปืนนวดกล้ามเนื้อ SND จาก 9,900 บาท เหลือ 3,700 บาท สั่งผ่าน DM - Instagram
https://www.instagram.com/hero_athletes/
ช่องทางการติดตาม Hero Athletes
Facebook : www.heroathletes.com
Instagram : @hero_athletes
Youtube : HeroAthletes
Twitter : @heroathletes
TikTok : @heroathletes
Line@ : @heroathletes
WeChat : chin_hero
Email : Heroathletes@gmail.com
#HeroAthletes
set ความรู้ 在 HeroAthletes Youtube 的精選貼文
เยี่ยมชมร้านค้า Hero Athletes ใน Shopee ได้เลยที่นี่
https://shp.ee/diecs6f
Code ส่วนลดสิทธิพิเศษสำหรับเพื่อนๆชาว Hero Athletes
Hero Athletes ใช้ Code [Hero10] รับส่วนลด 10%
http://www.heroathletes.com/shop
Bench Fitness ใช้ Code [Hero5] รับส่วนลด 5%
https://benchfitness.com/
Cerberus Strength ใช้ Code [Hero5] รับส่วนลด 5%
https://cerberus-strength-th.com/collections/all-products
Nutrition Depot ใช้ Code [Hero15] ลด 15% สินค้าในหมวด Whey Protein, Mass Gainer
https://nutritiondepot.co.th
The Bricket ใช้ Code [Hero20] รับส่วนลด 20%
http://thebricket-co.page365.net/
Concept Creations ใช้ Code [Hero10] รับส่วนลด 10%
https://conceptcreations.co
ราคาพิเศษปืนนวดกล้ามเนื้อ SND จาก 9,900 บาท เหลือ 3,700 บาท สั่งผ่าน DM - Instagram
https://www.instagram.com/hero_athletes/
ช่องทางการติดตาม Hero Athletes
Facebook : www.heroathletes.com
Instagram : @hero_athletes
Youtube : HeroAthletes
Twitter : @heroathletes
TikTok : @heroathletes
Line@ : @heroathletes
WeChat : chin_hero
Email : Heroathletes@gmail.com
#HeroAthletes
set ความรู้ 在 HeroAthletes Youtube 的最佳貼文
เยี่ยมชมร้านค้า Hero Athletes ใน Shopee ได้เลยที่นี่
https://shp.ee/diecs6f
Code ส่วนลดสิทธิพิเศษสำหรับเพื่อนๆชาว Hero Athletes
Hero Athletes ใช้ Code [Hero10] รับส่วนลด 10%
http://www.heroathletes.com/shop
Bench Fitness ใช้ Code [Hero5] รับส่วนลด 5%
https://benchfitness.com/
Cerberus Strength ใช้ Code [Hero5] รับส่วนลด 5%
https://cerberus-strength-th.com/collections/all-products
Nutrition Depot ใช้ Code [Hero15] ลด 15% สินค้าในหมวด Whey Protein, Mass Gainer
https://nutritiondepot.co.th
The Bricket ใช้ Code [Hero20] รับส่วนลด 20%
http://thebricket-co.page365.net/
Concept Creations ใช้ Code [Hero10] รับส่วนลด 10%
https://conceptcreations.co
ราคาพิเศษปืนนวดกล้ามเนื้อ SND จาก 9,900 บาท เหลือ 3,700 บาท สั่งผ่าน DM - Instagram
https://www.instagram.com/hero_athletes/
ช่องทางการติดตาม Hero Athletes
Facebook : www.heroathletes.com
Instagram : @hero_athletes
Youtube : HeroAthletes
Twitter : @heroathletes
TikTok : @heroathletes
Line@ : @heroathletes
WeChat : chin_hero
Email : Heroathletes@gmail.com
#HeroAthletes