關於 silk wiki ，我們在網路上蒐集到這些相關的討論、資訊與評價

จิม ทอมป์สัน ผ้าไหมไทย ทำไมใช้ชื่อต่างชาติ ? /โดย ลงทุนแมน
หลายคนคงคุ้นกับชื่อ “Jim Thompson” หรือ จิม ทอมป์สัน
แบรนด์ผ้าไหมไทย ที่มีที่ตั้งอยู่ในห้างดังๆ รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ

ผ้าไหมไทยแบรนด์นี้ ไม่เพียงแต่เป็นที่รู้จักในประเทศไทย
แต่ยังโด่งดังไปถึงต่างประเทศ

ผ้าไหมแบรนด์นี้ มีจุดเริ่มต้นมาจากอะไร
แล้วทำไม เป็นแบรนด์ผ้าไหมไทย แต่กลับใช้ชื่อต่างชาติ ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ผู้ที่ก่อตั้งแบรนด์นี้ คือ คุณจิม ทอมป์สัน นักธุรกิจชาวอเมริกัน ที่เกิดในปี 1906
โดยครอบครัวของเขาทำธุรกิจสิ่งทออยู่ในสหรัฐอเมริกา

คุณจิมจบการศึกษาระดับปริญญาตรีจาก Princeton University
ก่อนที่จะเข้าไปศึกษาในระดับปริญญาโทสาขาสถาปัตยกรรมที่ University of Pennsylvania

เขาทำงานด้านสถาปัตยกรรมในนิวยอร์กในช่วงปี 1931-1940
และในปี 1941 คุณจิมได้ลาออกจากงาน เพื่อสมัครเข้าเป็นทหารในกองทัพของสหรัฐอเมริกาในช่วงระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2

คุณจิม ถูกมอบหมายให้ทำหน้าที่ในสำนักข่าวกรองกลาง (CIA)
ซึ่งหน้าที่ดังกล่าวทำให้เขามีโอกาสเดินทางไปหลายประเทศทั่วโลก
ทั้งที่อยู่ในทวีปยุโรป และเอเชีย ซึ่งก็รวมถึง “ประเทศไทย”

คุณจิมเดินทางมากรุงเทพฯ เป็นครั้งแรก เมื่อเดือนกันยายนปี 1945
ซึ่งเป็นช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่ 2
เพื่อมารับหน้าที่เป็น หัวหน้าสำนักบริการด้านยุทธศาสตร์ในกรุงเทพฯ

ด้วยความชื่นชอบประเทศไทยเป็นการส่วนตัว
หลังปลดประจำการจากกองทัพ คุณจิมจึงตัดสินใจมาอาศัยที่ประเทศไทยอย่างเต็มตัว
และไม่นานหลังจากนั้นก็ได้ร่วมหุ้นกับนักลงทุนกลุ่มหนึ่งเพื่อซื้อโรงแรมโอเรียนเต็ล ในกรุงเทพฯ
ซึ่งนับเป็นการทำธุรกิจครั้งแรกในประเทศไทยของเขา

อย่างไรก็ตาม ด้วยความแตกต่างทางความคิดในการบริหาร
ทำให้สุดท้ายเขาตัดสินใจขายหุ้นในส่วนของเขาออกไป

ระหว่างนั้น เขามีโอกาสเดินทางไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย และได้เห็นการทอผ้าไหม
และรู้สึกประทับใจในคุณภาพของผ้าไหมไทยอย่างมาก
ซึ่งจุดนี้เอง ทำให้เขาหันมาสนใจธุรกิจผ้าไหมอย่างจริงจัง..

ในปี 1948 คุณจิมได้ร่วมหุ้นกับนักธุรกิจชาวอเมริกันอีกคน
เพื่อตั้งบริษัทที่ทำธุรกิจทอผ้าไหมไทย
โดยถือหุ้นคนละ 18% ส่วนหุ้นที่เหลือ ได้ขายให้กับนักลงทุนคนอื่นที่เป็นทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ

รูปแบบการทำธุรกิจของคุณจิม คือ ส่งเสริมให้ชาวบ้านทอผ้าไหม
จากนั้นเขาจะไปซื้อผ้าไหมไทยที่ชาวบ้านผลิตได้ มาขายในนามของแบรนด์ จิม ทอมป์สัน

โดยเฉพาะชุมชนบ้านครัว ที่เป็นพักอาศัยของชาวมุสลิมกลางกรุงเทพฯ ที่คุณจิมเดินทางไปเจอและพบว่า ที่นี่เป็นชุมชนที่ทอผ้าไหมเป็นงานอดิเรก

คุณจิมทำการตรวจสอบ ให้คำแนะนำ และซื้อผ้าไหมที่ทอเหล่านั้นจากชุมชนแห่งนี้
พร้อมทั้งหาตลาดให้ ซึ่งนอกจากจะส่งออกไปยังต่างประเทศบางส่วนแล้ว
กลุ่มลูกค้าเป้าหมายสำหรับผ้าไหมไทยคือ ชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย

คุณภาพผ้าไหมที่ดีของคุณจิม ทำให้คนที่ซื้อไปแล้วประทับใจ
จนเกิดการบอกกันปากต่อปาก และทำให้ความต้องการผ้าไหมนั้นเพิ่มมากขึ้น

รายได้จากการทอผ้าไหม ทำให้ครอบครัวของช่างทอผ้าหลายครอบครัวมีฐานะความเป็นอยู่ดีขึ้น จนบางคนถึงขั้นกลายมาเป็นเศรษฐี

และคุณจิม ก็ถูกยกย่องว่าเป็นคนสำคัญ ที่มีส่วนทำให้กิจการทอผ้าไหมของไทยฟื้นฟูกลับมาอีกครั้ง หลังจากซบเซาไปนานในช่วงสงครามโลก

จนทำให้ตัวเขาที่แม้จะเป็นชาวอเมริกัน
แต่กลับได้รับการยกย่องเป็นถึง “King of Thai Silk” เลยทีเดียว..

อย่างไรก็ตาม ในปี 1967 คุณจิม ทอมป์สัน ได้เดินทางไปท่องเที่ยวพักผ่อนช่วงวันหยุดกับเพื่อน ในป่าทางตอนเหนือของประเทศมาเลเซีย คุณจิม ทอมป์สัน ได้บอกกับเพื่อนว่า เขาจะออกไปเดินเล่นคนเดียว
และนั่นก็คือวันที่ คุณจิม หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย และยังคงเป็นปริศนา มาถึงวันนี้..

ถึงแม้คุณจิม ทอมป์สัน จะหายตัวไป แต่กิจการที่เขาสร้างขึ้นมายังอยู่จนถึงทุกวันนี้
ปัจจุบัน ธุรกิจของจิม ทอมป์สัน สามารถแบ่งออกเป็น 5 กลุ่มคือ

1. เสื้อผ้าแฟชั่นจากผ้าไหม ภายใต้แบรนด์จิม ทอมป์สัน
2. สินค้าตกแต่งบ้าน ที่ทำจากผ้าไหมภายใต้แบรนด์จิม ทอมป์สัน
3. ร้านอาหารและธุรกิจจัดเลี้ยง ภายใต้ชื่อร้าน จิม ทอมป์สัน เรสเตอรองส์แอนด์ไวน์บาร์
4. จิม ทอมป์สันฟาร์ม
5. พิพิธภัณฑ์ บ้านจิม ทอมป์สัน

แล้วรายได้ของ บริษัท อุตสาหกรรมไหมไทย จำกัด
ซึ่งเป็นเจ้าของธุรกิจแบรนด์ต่างๆ ของจิม ทอมป์สัน ที่ผ่านมาเป็นอย่างไร ?

รายได้ กำไรของ บริษัท อุตสาหกรรมไหมไทย จำกัด
ปี 2017 รายได้ 2,328 ล้านบาท
ปี 2018 รายได้ 2,292 ล้านบาท
ปี 2019 รายได้ 2,232 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม การระบาดของโควิด 19 ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติไม่สามารถเดินทางมาประเทศไทย ซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้ก็ถือเป็นลูกค้ากลุ่มสำคัญของบริษัท

และการที่ร้านของจิม ทอมป์สัน ส่วนใหญ่กระจายอยู่ในห้างสรรพสินค้า สนามบิน และเมืองท่องเที่ยวต่างๆ ก็ต้องบอกว่า ปี 2020 ผ่านมาคงเป็นปีที่ยากลำบากไม่น้อย สำหรับแบรนด์ จิม ทอมป์สัน

อย่างไรก็ตาม เมื่อทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิม ก็เชื่อว่า แบรนด์นี้จะยังเป็นชื่อที่ทุกคนนึกถึงแรกๆ เมื่อพูดถึงผ้าไหมไทย..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - ลงทุนแมน
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-http://info.gotomanager.com/news/details.aspx?id=8627
-https://en.wikipedia.org/wiki/Jim_Thompson_(designer)
-https://nookwanjai.wordpress.com/
-http://info.gotomanager.com/news/details.aspx?id=1226
-https://en.wikipedia.org/wiki/Disappearance_of_Jim_Thompson

ใครเป็นเจ้าของ Vans, The North Face และ Timberland /โดย ลงทุนแมน
ถึงแม้ว่าจุดเริ่มต้นของ Vans, The North Face และ Timberland นั้นจะไม่เหมือนกัน
แต่รู้ไหมว่า ปัจจุบัน ทั้ง 3 แบรนด์ มีเจ้าของเดียวกัน
คือบริษัท VF Corporation เจ้าของอาณาจักรเสื้อผ้าแสนล้าน จากสหรัฐอเมริกา

เรื่องราวนี้เป็นอย่างไร
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
สัมผัสเทคโนโลยีรูปแบบใหม่จากสตาร์ตอัปไทย Blockdit
Blockdit เป็นแพลตฟอร์มของแหล่งรวมนักคิด
ที่ช่วยอัปเดตสถานการณ์ ในรูปแบบบทความ วิดีโอ
รวมไปถึงพอดแคสต์ ที่มีให้ฟังระหว่างเดินทางด้วย
ลองใช้กันที่ Blockdit.com/download
╚═══════════╝
เริ่มต้นที่ VANS รองเท้าแนวสตรีท ขวัญใจนักสเกตบอร์ด
VANS นั้นเป็นแบรนด์รองเท้าที่ก่อตั้งขึ้นโดยสองพี่น้อง Paul และ Jim Van Doren และเพื่อน
ในรัฐแคลิฟอร์เนีย เมื่อปี 1966

โดยพื้นรองเท้ายางของ VANS นั้นมีความแข็งแรงทนทาน ทำให้ถูกใจนักสเกตบอร์ด จนค่อยๆ ได้รับความนิยม และบริษัทสามารถเข้าตลาดหลักทรัพย์ได้ในปี 1991

สุดท้ายกิจการของ VANS ได้ถูกขายให้กับ VF Corporation ในปี 2004 ด้วยมูลค่า 12,000 ล้านบาท

แบรนด์ต่อมาคือ
The North Face
แบรนด์เสื้อผ้าสายผจญภัยสัญชาติอเมริกัน ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 1966
โดยเริ่มจากร้านขายอุปกรณ์ปีนเขา
ก่อนขยายมาทำ แบรนด์เสื้อผ้าและรองเท้า
และกิจการนี้ได้ถูกขายให้กับ VF Corporation ในปี 2000 ด้วยมูลค่า 790 ล้านบาท

และแบรนด์สุดท้ายคือ Timberland
ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 1952
เป็นแบรนด์รองเท้าสำหรับกรรมกร แล้วค่อยๆ เปลี่ยนแนวและกลายมาเป็นรองเท้าที่ได้รับความนิยม ในทุกชนชั้น มีเอกลักษณ์คือ ใช้หนังสีน้ำตาล เป็นรองเท้าหุ้มข้อ และมีพื้นหนา
กิจการนี้ได้ถูกขายให้กับ VF Corporation ในปี 2011 ด้วยมูลค่า 69,000 ล้านบาท

ถึงตรงนี้หลายคนคงเกิดความสงสัยแล้วว่า
VF Corporation กลายมาเป็นเจ้าแห่งนักเทกโอเวอร์กิจการเสื้อผ้าได้อย่างไร?

ความจริงแล้ว VF Corporation นั้น เป็นบริษัทที่มีจุดเริ่มต้นมาจากบริษัทผลิตถุงมือ ที่ชื่อว่า Reading Glove and Mitten Manufacturing Company ในรัฐเพนซิลเวเนีย ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1899

แต่ต่อมาก็เริ่มเข้าสู่วงการผ้าไหม และเริ่มมีไลน์สินค้าอื่นๆ เช่น ชุดชั้นในผู้หญิง
ทำให้ต่อมาบริษัทได้เปลี่ยนชื่อไปเป็น Vanity Fair Silk Mills Inc. แต่สุดท้ายก็ได้ยกเลิกการผลิตผ้าไหมไป และก็ได้จดทะเบียนเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ในปี 1951

จนสุดท้ายได้ขายกิจการชุดชั้นในผู้หญิงออกไป และเปลี่ยนชื่อมาเป็น VF Corporation แบบในปัจจุบัน โดยเริ่มจากการเข้าซื้อกิจการอย่างเช่น JanSport, The North Face

หลังจากนั้นก็ซื้อแบรนด์อื่นๆ อีกเรื่อยๆ เช่น Vans, Eagle Creek, Kipling, Reef, Timberland, Dickies

นอกจากนั้นยังมีแบรนด์กางเกงยีนส์ด้วย เช่น Lee และ Wrangler

ซึ่งสุดท้าย ทางบริษัทก็ได้ Spin-Off ธุรกิจยีนส์ออกไป
เป็นบริษัทลูกที่ชื่อว่า Kontoor Brands
ซึ่งทั้ง Lee และ Wrangler จะอยู่ภายใต้บริษัทนี้

แล้วรายได้ของ VF Corporation เป็นอย่างไร
เรามาดูรายได้กัน
ปี 2018 รายได้ 321,000 ล้านบาท กำไร 39,000 ล้านบาท
ปี 2019 รายได้ 328,000 ล้านบาท กำไร 21,000 ล้านบาท

ซึ่งบริษัทนี้จะปิดรอบบัญชีที่เดือนมีนาคม
นั่นหมายความว่า งบปี 2019 ได้รวมผลกระทบจาก COVID-19 ในไตรมาสสุดท้ายด้วย (ม.ค.-มี.ค. 2020)

แสดงให้เห็นว่า ถึงแม้จะได้รับผลกระทบจากช่วงโควิด แต่บริษัทก็สามารถทำยอดขายในปี 2019 ได้ดี โดยรายได้ทั้งปียังโตขึ้น 2.1% โดยมีสัดส่วนรายได้กว่า 7% มาจากประเทศจีน

ส่วน Kontoor Brands นั้น
ในปี 2019 บริษัทมีรายได้ 80,000 ล้านบาท
มาจาก Wrangler 60% Lee 34% และแบรนด์อื่นๆ 6%

แล้ว VF Corporation นั้นใหญ่แค่ไหน?
ปัจจุบันมูลค่าของ VF Corporation อยู่ที่ 755,000 ล้านบาท
ซึ่งถ้าอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ก็จะใหญ่เป็นอันดับ 3 เป็นรองเพียงแค่ ปตท. และ AOT

ส่วนแบรนด์ที่ใหญ่สุดในบริษัทอย่าง VANS, The North Face, Timberland และน้องใหม่อย่าง Dickies นั้น ก็ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องโดยใน 3 ไตรมาสแรกของปี 2019 ที่ผ่านมา ทั้ง 4 แบรนด์มียอดขายรวมกันเติบโตขึ้น 8%

หลักการของ VF Corporation คือการเลือกซื้อกิจการที่อาจดูเหมือนได้รับความนิยมน้อยลง แต่ก็ยังมีเหล่าแฟนคลับที่เหนียวแน่นอยู่

ซึ่งพวกเขาก็ทำให้เห็นแล้วว่า สามารถทำให้หลายๆ แบรนด์ที่ซื้อไปกลับมามีชีวิตชีวาขึ้นได้อีกครั้ง

อย่างเช่น VANS ที่กลับมาโตแบบก้าวกระโดดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
โดยเปลี่ยนโฉมจากรองเท้าสเกตบอร์ดกลายเป็นรองเท้าที่สวมใส่ได้แทบทุกรุ่นทุกวัย

โดยเฉพาะรุ่น Old Skool ที่เปิดตัวเมื่อ 50 ปีก่อน ซึ่งยังสามารถกลายเป็นรองเท้ารุ่นยอดนิยมจนถึงปัจจุบันนี้ได้

ก็ต้องบอกว่าวิธีการซื้อแบรนด์ไปเรื่อยๆ ของ VF Corporation เป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจ ซึ่งก็คล้ายกับอีกหลายบริษัท

ไม่ว่าจะเป็น LVMH และ Kering ที่คอยซื้อกิจการแบรนด์หรู
L'Oréal ที่คอยซื้อกิจการเครื่องสำอาง

ซึ่งทั้งหมดนี้ก็อาจเป็นเคล็ดลับสอนเราได้ว่า
วิธีที่จะทำให้ธุรกิจเราเติบโตต่อไปได้
ไม่จำเป็นต้องขยายธุรกิจด้วยตัวเราเอง

แต่การนำเงินที่เหลืออยู่ไปซื้อกิจการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
ก็อาจได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า ก็เป็นได้..
╔═══════════╗
สัมผัสเทคโนโลยีรูปแบบใหม่จากสตาร์ตอัปไทย Blockdit
Blockdit เป็นแพลตฟอร์มของแหล่งรวมนักคิด
ที่ช่วยอัปเดตสถานการณ์ ในรูปแบบบทความ วิดีโอ
รวมไปถึงพอดแคสต์ ที่มีให้ฟังระหว่างเดินทางด้วย
ลองใช้กันที่ Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - ลงทุนแมน
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
References
-https://d1io3yog0oux5.cloudfront.net/_109e48991b3b9bea303fe315933da966/vfc/db/409/70380/annual_report/VF_FY2020_ShareholderLetter-DIGITAL-FINAL.pdf
-https://www.forbes.com/sites/walterloeb/2013/04/02/vf-corp-has-the-midas-touch/#2a126b181cd1
-https://d1io3yog0oux5.cloudfront.net/_4d8009b3ee5f330fcb247d7b21475442/kontoorbrands/db/700/10100/annual_report/Kontoor_2019_Annual_Report%281%29.pdf
-https://www.ft.com/content/ac502f0c-1b2b-11e9-9e64-d150b3105d21
-https://www.heddels.com/2019/06/history-timberland-waterproof-boots-rap-royalty/
-https://www.vans.com/history.html#1991
-https://en.wikipedia.org/wiki/The_North_Face

Saudi Aramco บริษัทใหญ่สุดในโลก IPO แล้ว / โดย ลงทุนแมน
Saudi Aramco กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลกหลัง IPO
แซงหน้าทุกบริษัทในโลกนี้ไม่ว่าจะเป็น Apple, Microsoft, Amazon

สิ่งที่น่าสนใจคือ กองทุนของรัฐบาลจีนสนใจหุ้นตัวนี้ด้วย
ทำไมจีนจึงอยากลงทุนใน Saudi Aramco
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
┏━━━━━━━━━━━━┓
Blockdit โซเชียลมีเดีย รูปแบบใหม่
Blockdit.com/download
┗━━━━━━━━━━━━┛

Saudi Aramco เป็นบริษัทน้ำมันแห่งชาติของซาอุดีอาระเบีย ก่อตั้งขึ้นในปี 1933 ในชื่อ California-Arabian Standard Oil Company

ปัจจุบัน Saudi Aramco มีอายุกว่า 86 ปี โดยบริษัททำธุรกิจด้านปิโตรเลียมครบวงจร ตั้งแต่ธุรกิจต้นน้ำอย่างการสำรวจและผลิตน้ำมันดิบ โรงกลั่นน้ำมัน ไปจนถึงธุรกิจปลายน้ำอย่างปิโตรเคมี โดยก่อนหน้านี้มีรัฐบาลซาอุดีอาระเบียถือหุ้นใน Saudi Aramco จำนวน 100%

สำหรับหุ้นที่ IPO ในครั้งนี้ จะเป็นหุ้นเพียงจำนวน 1.5% ของหุ้นทั้งหมดของบริษัทเท่านั้น หรือคิดเป็นจำนวนเงินที่ระดมทุนประมาณ 8 แสนล้านบาท

ปัจจุบัน Saudi Aramco ถือว่าเป็นบริษัทที่มีกำไรมากที่สุดในโลก
ปี 2018 รายได้ 10.7 ล้านล้านบาท กำไร 3.6 ล้านล้านบาท

ด้วยกำไรขนาดนี้ทำให้ Saudi Aramco มีกำไรมากกว่าบริษัทอย่าง Apple ซึ่งเป็นบริษัทที่มีกำไรมากสุดอันดับ 2 ของโลกที่ 1.8 ล้านล้านบาท ถึง 2 เท่า

ถ้าให้เทียบกับ ปตท. บริษัทที่ใหญ่สุดในตลาดหลักทรัพย์ของไทยที่มีกำไรในปี 2018 ที่ 119,683 ล้านบาท Saudi Aramco จะมีกำไรมากกว่า ปตท. ถึง 30 เท่า

แล้วจุดเด่นของ Saudi Aramco มีอะไรบ้าง?

ข้อแรกคือ การมีกระแสเงินสดที่ดีมาก โดยในปี 2018 จ่ายเงินปันผลให้แก่รัฐบาลซาอุดีอาระเบีย 1.8 ล้านล้านบาท หรือประมาณ 50% ของกำไรสุทธิ และคาดว่าปี 2019 จะจ่ายเงินปันผลกว่า 2.3 ล้านล้านบาท

ข้อต่อมาคือ บริษัทนี้มีปริมาณน้ำมันดิบสำรอง 260,000 ล้านบาร์เรล หรือ 22% ของปริมาณน้ำมันดิบสำรองทั้งโลก

โดยมีปริมาณการผลิตน้ำมันดิบอยู่ที่วันละ 10 ล้านบาร์เรล หรือ 12% ของการผลิตน้ำมันดิบทั้งโลก และมีต้นทุนในการผลิตน้ำมันดิบอยู่ที่ 2.8 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งถือว่าต่ำที่สุดในโลก

เรียกได้ว่าถ้าราคาน้ำมันปรับตัวลงมากๆ บริษัทนี้น่าจะอยู่รอดเป็นคนสุดท้าย

จริงๆ แล้วแผนการเสนอขายหลักทรัพย์ต่อสาธารณะเป็นครั้งแรก (IPO) ของ Saudi Aramco นั้น จะเริ่มตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมา แต่เนื่องจากเกิดเหตุโจมตีโรงกลั่นน้ำมัน 2 แห่งของซาอุดีอาระเบียทำให้แผนการเสนอขายหุ้นจึงต้องเลื่อนออกไป

แต่มาตอนนี้เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว ทางรัฐบาลของซาอุดีอาระเบียจึงได้นำหุ้น Saudi Aramco เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ โดยหุ้นของ Saudi Aramco ได้เข้าซื้อขายครั้งแรกในตลาดหุ้นซาอุดีอาระเบียก่อน ที่ชื่อว่า Saudi Stock Exchange (Tadawul) โดยเริ่มซื้อขายตั้งแต่วันที่ 11 ธันวาคม 2019

ส่วนในอนาคตจะมีการเข้าไปจดทะเบียนในตลาดหุ้นที่พัฒนาแล้วในต่างประเทศโดยเฉพาะที่สหรัฐอเมริกาหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับว่าหุ้นดังกล่าวจะได้รับความสนใจแค่ไหนจากนักลงทุนต่างชาติ

ซึ่งในวันแรกที่เปิดซื้อขาย ราคาหุ้นของ Saudi Aramco ได้ขึ้นจากราคา IPO ไปอีก 10% จนล่าสุดบริษัทมีมูลค่า 57 ล้านล้านบาท

โดยหุ้น IPO ที่เสนอขาย ทางรัฐบาลซาอุดีอาระเบียได้เสนอขายให้แก่นักลงทุนรายใหญ่และกลุ่มกองทุนใหญ่ๆ จากต่างประเทศ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ กองทุน Silk Road ซึ่งเป็นกองทุนที่รัฐบาลจีนตั้งขึ้นมาเพื่อซื้อกิจการในต่างประเทศ โดยคาดกันว่า มูลค่าเงินลงทุนที่กองทุนนี้ได้นำไปซื้อหุ้น IPO ของ Saudi Aramco มีมูลค่าสูงถึง 300,000 ล้านบาท

ซึ่งทางรัฐบาลจีนมองว่า การลงทุนในหุ้น Saudi Aramco จะเป็นเครื่องมือในการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลจีนกับรัฐบาลซาอุดีอาระเบียเป็นอย่างดี

นอกเหนือจากผลกำไรและเงินปันผลจากการลงทุนในหุ้นตัวนี้ ปัจจุบันประเทศจีนยังเป็นลูกค้ารายใหญ่ในการนำเข้าน้ำมันดิบของรัฐบาลซาอุดีอาระเบีย โดยในปี 2018 จีนนำเข้าน้ำมันดิบจากซาอุดีอาระเบียมูลค่าถึง 906,000 ล้านบาท

ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
รู้ไหมว่า ที่ผ่านมาสถิติการทำหุ้น IPO ที่ใหญ่ที่สุดในโลกนั้นคือ Alibaba โดยมีมูลค่าการระดมทุน 7 แสนล้านบาท ในปี 2014

คราวนี้ถึงแม้ว่า Saudi Aramco จะระดมทุนแค่ 1.5% ของหุ้นทั้งหมด แต่ด้วยความที่บริษัทใหญ่มาก จึงทำให้มูลค่าเงินระดมทุนคิดเป็น 8 แสนล้านบาท ซึ่งทำสถิติการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ที่มีมูลค่ามากสุดในโลกเช่นกัน..
┏━━━━━━━━━━━━┓
Blockdit โซเชียลมีเดีย รูปแบบใหม่
Blockdit.com/download
┗━━━━━━━━━━━━┛

References
-https://www.bloomberg.com/news/articles/2019-10-08/why-aramco-s-stop-start-ipo-is-no-ordinary-share-sale-quicktake
-https://en.wikipedia.org/wiki/Initial_public_offering#Largest_IPOs
-https://en.wikipedia.org/wiki/Saudi_Aramco
-https://www.aljazeera.com/news/2019/09/saudi-aramco-world-profitable-company-190914093645213.html
-https://en.wikipedia.org/wiki/List_of_countries_by_oil_production
-https://en.wikipedia.org/wiki/List_of_countries_by_proven_oil_reserves
-https://www.visualcapitalist.com/the-worlds-20-most-profitable-companies/
-https://www.saudiaramco.com/-/media/images/investors/saudi-aramco-prospectus-en.pdf?la=en&hash=8DE2DCD689D6E383BB8F4C393033D8964C9F5585
-https://www.bloomberg.com/news/articles/2019-11-06/china-said-to-discuss-at-least-5-billion-aramco-ipo-investment
-https://www.reuters.com/article/us-saudi-aramco-ipo/saudi-aramco-in-race-for-ipo-record-with-17-trillion-top-value-idUSKBN1XR07J
-https://www.washingtonpost.com/world/2019/09/16/who-buys-saudi-arabias-oil/?arc404=true\
-https://www.cnbc.com/2019/11/03/saudi-aramco-ipo-domestic-listing-set-to-begin-trading-in-december.html
-https://www.set.or.th/set/companyhighlight.do?symbol=PTT&ssoPageId=5&language=th&country=TH

#暗網 #Darkweb #TOR #theorionroute
暗網! Dark Web! 你無法google到的東西! TOR 洋蔥瀏覽器 - Wilson說給你聽
這一集介紹一下暗網 常見的暗網瀏覽器是TOR The Orion Route 可以存取平常時大家無法存取的.orion網域 暗網很多交易都是使用虛擬貨幣或是彼特幣進行 也常常有些非法事項出現 這一集做個簡單介紹 18禁喔!

時間軸
00:00 開始
00:35 表網 深網 暗網介紹
01:57 TOR 介紹
03:28 暗網網域
03:49 交易貨幣
04:43 DuckDuckGo
05:23 暗網題材相關電影
06:11 結語

【來賓：Jack 徐嘉凱 導演 / ​@SELF PICK 創辦人】錄音時間2020.07.02
ft. 🔆 那些你不敢跟老闆說的事 https://bit.ly/32NNaev
⏳那些 | 面對未來焦慮的解方【畢業季】ft.寶博士 https://bit.ly/3bnMy3h
⏳Cady｜美少女入圈180天，上鏈或上當？ https://bit.ly/3lEejcM

📍SELF PICK 粉專 https://www.facebook.com/selfpick/
📍Mr.Bartender https://bit.ly/3lGDrzi
📍私室 https://bit.ly/2ZbDHgr
📍聖人大盜 https://play.google.com/store/movies/details?id=GgVVoAO1th4.P
📍電影《愛在黎明破曉時（Before Sunrise）》 https://en.wikipedia.org/wiki/Before_Sunrise
📍「絲路」暗網交易比特幣 https://www.inside.com.tw/article/9490-ross-ulbricht-the-creator-of-silk-road
📍魔法列車Do Re Mi https://www.facebook.com/TaiwanKidsDoReMi/
📍阿喜：女朋友的口頭禪 https://youtu.be/l3s6Ap2eStY
📍亞洲媽媽們口頭禪 http://forgetfulbc.blogspot.com/2012/03/hd_5595.html
📍@Lulu黃路梓茵 YouTube https://www.youtube.com/channel/UC4Hex1-MQp1NtsSH3Oecr9Q

⭐葛如鈞(寶博士)
Facebook▶️https://www.facebook.com/dAAAb
YouTube▶️https://youtube.com/c/dAAAb
- - - - - -- - - - - -
📣訂閱SoundOn
APP▶️http://www.soundon.fm/download
Facebook⏩https://reurl.cc/1QxXzQ
官網▶️https://www.soundon.fm
Instagram▶️ https://reurl.cc/XX6Z3j
- - - - - -- - - - - -
🎵片頭：Music from https://icons8.com/music/author/savvier Fame Inc by SAVVIER
🎵片尾：Music from https://icons8.com/music/author/nordgroove by NORDGROOVE
- - - - - -- - - - - -
主持：北科大互動設計系 專任助理教授 葛如鈞/寶博士
感謝：北科大創新思考與區塊鏈應用社群計畫補助｜北科大互動設計系 https://ixd.ntut.edu.tw ｜北科大創新創業情報站 https://fb.com/ntuticorner

這集介紹Deep Web 暗網中的犯罪家瘋狂海盜羅伯茨，和他在Deep Web 暗網中的所作所為。

關於絲綢之路的影片我是應網友要求製作的，也希望令大家可以了解Deep Web 暗網並不全是令人毛骨悚然的內容。

（※本影片爲報導社會時事及網絡安全之紀錄片，僅供教學用途，包含的新聞和社會時事，可能會引致觀衆不安，請勿模仿片中任何行爲，敬請留意。

※This video is a documentary film about social events and network security, the video is for educational purpose only, content contains news and social events, may be offensive or disturbing to some audiences, please do not imitate any behaviour in this video.）

本影片題材和內容由紀錄片取得，請勿參與任何犯罪行爲。

▼Deep Web 暗網中文系列會出5至8條影片，有興趣的朋友歡迎訂閱一下我的Channel。▼

PowPow的Channel
https://www.youtube.com/channel/UCTiPpo3GYFgLq0WrvwyLVYw

PowPow的Facebook
https://www.facebook.com/ProfPowPow