กรณีศึกษา Nestlé บริษัทอาหารและเครื่องดื่ม ใหญ่สุดในโลก /โดย ลงทุนแมน
Nestlé นับเป็นหนึ่งในเครือธุรกิจ ที่เป็นเจ้าของแบรนด์ผลิตภัณฑ์ที่เรารู้จักมากมาย
ไม่ว่าจะเป็นเนสกาแฟ คอฟฟีเมต ไมโล ไปจนถึงซอสปรุงรสแม็กกี้
แต่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า Nestlé เติบโตมาจากการรวมตัวกันของ 2 บริษัท
ที่มีจุดเริ่มต้นเหมือนกัน นั่นก็คือ “นมวัว” และ “ประเทศสวิตเซอร์แลนด์”
ปัจจุบัน Nestlé ดำเนินธุรกิจมากว่า 150 ปี มีมูลค่า 11 ล้านล้านบาท
ซึ่งนับเป็นบริษัทใหญ่สุดในสวิตเซอร์แลนด์และใหญ่เป็นอันดับที่ 24 ของโลก
แล้วจุดเริ่มต้นของ Nestlé เป็นอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
บริษัทแรกที่เป็นจุดเริ่มต้นนั้น เกิดจาก Charles และ George Page สองพี่น้องชาวอเมริกัน
พวกเขาต้องการสร้างโรงงานผลิตนมข้นหวานซึ่งเป็นสินค้าขายดีในประเทศสหรัฐอเมริกาและวางแผนที่จะส่งไปวางจำหน่ายยังประเทศอังกฤษเพราะเป็นตลาดใหม่สำหรับนมข้นหวาน
ทั้งสองจึงเลือกตั้งโรงงานที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์เพราะเป็นแหล่งผลิตนมวัวคุณภาพสูง และให้ผลผลิตปริมาณมาก
โดยทั้งคู่ก็ได้ก่อตั้งบริษัท Anglo-Swiss Condensed Milk ขึ้นในปี 1866 และได้วางจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมข้นหวานไปทั่วยุโรปและสหรัฐอเมริกา
ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเอง Henri Nestlé ผู้อพยพชาวเยอรมันซึ่งมีอาชีพเป็นผู้ช่วยเภสัชกร มีความคิดที่จะแก้ไขปัญหาอัตราการเสียชีวิตของเด็กทารกในยุโรป ที่ไม่สามารถดื่มนมแม่ได้
เขาจึงผลิตอาหารสำหรับทารกที่มีคุณค่าทางโภชนาการด้วยการผสมนมและธัญพืช ภายใต้ชื่อ Farine Lactée
หลังจากวางจำหน่ายได้เพียง 8 ปี ผลิตภัณฑ์อาหารสำหรับเด็กของ Henri Nestlé ก็วางจำหน่ายไปทั่วยุโรปและสหรัฐอเมริกา
ต่อมาในปี 1877 Charles และ George Page ได้เห็นโอกาสในตลาดอาหารสำหรับเด็ก ทำให้ทั้งคู่ได้ผลิตอาหารสำหรับเด็ก ซึ่งสำหรับ Henri Nestlé แล้วเรื่องนี้ถือเป็นการประกาศสงครามทางการค้าระหว่างกัน
ทำให้หลังจากนั้นไม่นาน Henri Nestlé ได้ผลิตนมข้นหวานเป็นของตัวเองเช่นกันเพื่อโต้ตอบ Charles และ George Page ที่เข้ามาแย่งส่วนแบ่งตลาดอาหารเด็ก
ด้วยความที่ไม่มีใครยอมใคร ทำให้การแข่งขันดังกล่าวกินเวลายาวนานเกือบ 30 ปี
และถึงแม้ทั้ง 2 บริษัทจะสามารถเติบโตต่อไปได้ แต่จากการแข่งขันระหว่างกันก็ส่งผลกระทบต่อกำไรของทั้งคู่อย่างมาก เพราะต้องทำราคาและโปรโมชันแข่งกันอยู่ตลอดเวลา
จนกระทั่งในปี 1905 เมื่อผู้ก่อตั้งบริษัททั้ง 3 คนได้เสียชีวิตไปหมดแล้ว
กรรมการของทั้ง 2 บริษัทจึงตัดสินใจควบรวมกิจการกันเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งในการบุกตลาดโลกและไม่ต้องมาเสียเวลากับการแข่งขันกันเอง
หลังจากควบรวมกิจการกันได้ไม่นาน ภายใต้ชื่อ Nestlé and Anglo-Swiss Condensed Milk หรือ Nestlé
ก็สามารถวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของตัวเองไปยังทุกทวีปทั่วโลก
เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 1 เกิดขึ้นในปี 1914 ก็ทำให้ผลิตภัณฑ์อาหารจากนมของ Nestlé กลายเป็นที่ต้องการอย่างมากในช่วงสงคราม โดยเฉพาะนมข้นหวานเพราะสามารถเก็บไว้ได้นานและใช้บริโภคได้หลากหลายรูปแบบ
แต่ภาวะสงครามที่กินระยะเวลานานก็ทำให้เกิดปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบอย่างหนัก ส่งผลให้โรงงานของบริษัททั้ง 20 แห่งต้องหยุดการผลิตลง
เรื่องดังกล่าวทำให้ Nestlé ต้องปรับกลยุทธ์เพื่อให้กิจการยังดำเนินต่อไปได้แม้ในช่วงวิกฤติ
Nestlé จึงได้ขยายการผลิตด้วยการไปตั้งโรงงานที่สหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นตลาดใหญ่ของ Nestlé
กำลังการผลิตของ Nestlé เพิ่มขึ้นอย่างมาก โดย Nestlé มีจำนวนโรงงานเพิ่มขึ้นจาก 20 โรงงานในปี 1914 เป็น 80 โรงงานในปี 1921 และในช่วงนี้เองที่ Nestlé ได้ขยายโรงงานไปยังเอเชียและลาตินอเมริกา
และด้วยการขยายฐานการผลิตจำนวนมาก ทำให้ Nestlé สามารถรอดพ้นจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ หรือ Great Depression ได้ในปี 1930 เพราะมีฐานลูกค้าและโรงงานกระจายอยู่ทั่วโลก
และจากการที่มีฐานการผลิตอยู่ในหลายประเทศ รวมถึงประเทศบราซิล
เป็นที่มา ที่ทำให้บริษัทได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นความสำเร็จครั้งใหญ่ นั่นก็คือ “Nescafé”
จริง ๆ แล้ว Nescafé เกิดขึ้นจากการที่รัฐบาลบราซิล ได้ขอให้ Nestlé ช่วยแก้ปัญหาผลผลิตเมล็ดกาแฟล้นตลาด โดยในตอนแรกไอเดียของรัฐบาลคือการทำกาแฟอัดก้อน แล้วให้ Nestlé เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่าย
แต่ Nestlé เลือกที่จะผลิตเป็นผงกาแฟที่สามารถละลายน้ำได้ ซึ่งในอีกแง่หนึ่งก็ถือเป็นการทำในสิ่งที่เชี่ยวชาญ เพราะ Nestlé มีประสบการณ์จากการผลิตเครื่องดื่มชนิดผงอยู่ก่อนแล้ว อย่างเช่น นมผงสำหรับเด็ก หรือเครื่องดื่มไมโล
Nescafé ออกวางจำหน่ายไม่นานก็เป็นที่นิยมและขายดีอย่างมาก โดยเฉพาะประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่ง Nescafé ใช้เวลาเพียงปีเดียว ก็กลายเป็นผลิตภัณฑ์กาแฟที่ขายดีที่สุดในประเทศ
แต่ในเวลาต่อมา สงครามโลกครั้งที่ 2 ก็เกิดขึ้น
ซึ่งสำหรับบริษัท Nestlé ก็เรียกได้ว่าแทบจะเป็นการฉายหนังซ้ำ
โดยในช่วงเริ่มแรกของสงคราม สินค้าจาก Nestlé ได้กลายเป็นที่ต้องการอย่างมาก
แต่เนื่องจากผลกระทบของสงครามที่เกิดขึ้นไปทั่วโลกมีความรุนแรงและกินระยะเวลายาวนานกว่าที่คิด
ทำให้ถึงแม้จะมีการขยายโรงงานผลิตไปยังประเทศต่าง ๆ โรงงานหลายแห่งของ Nestlé ก็ยังคงประสบปัญหาในการผลิต ทั้งการขาดแคลนวัตถุดิบ การขาดแคลนแรงงาน จนสุดท้ายโรงงานจำนวนมากต้องปิดตัวลง
แต่ด้วยฐานการผลิตที่สหรัฐอเมริกา ไม่ได้รับผลกระทบจากสงคราม และเนื่องจากสินค้ายอดนิยมอย่าง Nescafé กลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับกองทัพ ทำให้ Nestlé ได้รับสัญญามูลค่ามหาศาลจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกา
ทำให้ผลประกอบการของ Nestlé ในช่วงนั้นกลับกลายเป็นได้กำไรจำนวนมาก ในขณะที่บริษัทอื่น ๆ ได้รับผลกระทบ
จุดนี้เองที่ทำให้ Nestlé ตัดสินใจปรับกลยุทธ์การขยายกิจการจากเดิมที่มุ่งเน้นการตั้งโรงงานใหม่และเพิ่มกำลังการผลิต เป็นการไล่ซื้อกิจการอื่น ๆ แทน
โดยเมื่อสงครามสิ้นสุดลง Nestlé ได้เริ่มการไล่ซื้อบริษัทเล็ก ๆ ในยุโรปที่ได้รับผลกระทบจากช่วงสงคราม และการไล่ซื้อกิจการตั้งแต่จบสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็ทำให้ Nestlé ได้แบรนด์สินค้าชื่อดังรวมถึงองค์ความรู้และเทคโนโลยีจากหลากหลายแบรนด์เข้ามาเป็นของบริษัท
อย่างเช่น
- Maggi ผู้ผลิตเครื่องปรุงรสอาหาร
- Friskies อาหารสำหรับสัตว์เลี้ยง
- KitKat ช็อกโกแลตแบบแท่งที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก
นอกจากการซื้อกิจการแล้ว Nestlé ก็ยังออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ มาสู่ท้องตลาดอยู่เสมอ
อย่างเช่น ชาผงพร้อมดื่ม Nestea และช็อกโกแลตชนิดผงพร้อมดื่ม Nesquik
ซึ่งต่างก็ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วไม่ต่างจาก Nescafé
สำหรับในประเทศไทยเอง Nestlé ก็ได้เข้ามาดำเนินธุรกิจ ตั้งแต่ปี 1893 หรือในปี พ.ศ. 2436 โดยเริ่มต้นจากผลิตภัณฑ์นมข้นหวานบรรจุกระป๋องที่มาจากฝั่งของสองพี่น้อง Charles และ George Page โดยใช้ชื่อไทยว่านมข้นหวานตรา “แหม่มทูนหัว” และตั้งโรงงานผลิตในไทยแห่งแรกในปี 1967 หรือในปี พ.ศ. 2510
ปัจจุบัน Nestlé ก็ขยายกิจการจนมีแบรนด์สินค้า กว่า 2,000 แบรนด์
วางจำหน่ายใน 190 ประเทศทั่วโลก และมีมูลค่าบริษัทกว่า 11 ล้านล้านบาท
ซึ่งก็ไม่น่าเชื่อเหมือนกันว่าจากวันแรก ที่บริษัทของ Charles และ George Page กับ Henri Nestlé เป็นคู่แข่งขัน จะถูกควบรวมกันจนกลายมาเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ ที่ดำเนินธุรกิจมายาวนานเป็นร้อยปี
จนปัจจุบัน Nestlé ได้กลายมาเป็นบริษัทที่ใหญ่สุดในสวิตเซอร์แลนด์ และใหญ่สุดในบริษัทอาหารและเครื่องดื่มของโลกเลยทีเดียว..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://www.Nestle.co.th/th/aboutus/history
-https://www.youtube.com/watch?v=MYGZZKTA2qI&t=14s
-https://www.companieshistory.com/Nestle/
-https://www.cleverism.com/the-history-of-Nestle/
-https://www.Nestle.com/sites/default/files/2021-03/2020-annual-review-en.pdf
同時也有1部Youtube影片,追蹤數超過5萬的網紅Imagine Scent,也在其Youtube影片中提到,FTC Disclosure: This is NOT a sponsored post. All opinions expressed in this video are entirely my own. Some of the below links are affiliate links,...
「swiss history」的推薦目錄:
- 關於swiss history 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳貼文
- 關於swiss history 在 Lee Hsien Loong Facebook 的最佳貼文
- 關於swiss history 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳貼文
- 關於swiss history 在 Imagine Scent Youtube 的最佳解答
- 關於swiss history 在 The Animated History of Switzerland - YouTube 的評價
- 關於swiss history 在 How was Switzerland Formed? -The History of Switzerland 的評價
- 關於swiss history 在 WW2 From the Swiss Perspective | Animated History - YouTube 的評價
swiss history 在 Lee Hsien Loong Facebook 的最佳貼文
Enjoyed this short video on a fascinating artifact called the Antikythera Mechanism. Nowadays we think of a computer as something with a silicon chip inside. But this was a mechanical computer, made by the ancient Greeks. It had intricate precision gears, like a fancy Swiss watch, but is more than 2,000 years old!
The device was discovered in an ancient shipwreck off Antikythera Island in 1901 (hence the name). But only fairly recently could scientists look inside the device, using advanced 3D x-ray and modelling technology. They were astonished to find the device did astronomical calculations, to track the movements of the sun, moon and (maybe) planets, and even predict eclipses!
Today, anyone can download smartphone apps that accurately track galaxies, stars, planets, asteroids and more. But nobody imagined the ancient Greeks had the technology and engineering to conceive and create such a sophisticated device!
We are not cleverer than previous generations, but stand on their shoulders. We too should aspire to create and leave something for future generations to marvel at. – LHL
swiss history 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳貼文
Longines ที่สุดแห่งความสง่างาม ที่เหนือกาลเวลา
Longines x ลงทุนแมน
“Elegance is an Attitude” คือสโลแกนของ Longines
แบรนด์นาฬิกาหรู ที่เก่าแก่ที่สุดแบรนด์หนึ่งในสวิตเซอร์แลนด์
คำว่า Elegance หรือ ความสง่างาม
ได้ถูกสะท้อนออกมาเป็นเอกลักษณ์ของทุกเรือนนาฬิกา Longines
และถูกส่งต่อข้ามกาลเวลา มาหลายยุคหลายสมัยมาแล้ว กว่า 189 ปี
เรื่องราวของ Longines น่าสนใจอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
“Swiss Made” คงเป็นมาตรฐานของคนรักนาฬิกาหลาย ๆ คน
เพราะถ้าเราไปย้อนดูประวัติศาสตร์ของแบรนด์นาฬิกาหรู
ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก และยังคงมีชื่อเสียงโด่งดังมาจนถึงทุกวันนี้
ก็ล้วนแล้วแต่เป็นแบรนด์ที่ถือกำเนิดในสวิตเซอร์แลนด์ทั้งสิ้น
- Blancpain ก่อตั้งในปี 1735 ในสวิตเซอร์แลนด์
- Vacheron Constantin ก่อตั้งในปี 1755 ในสวิตเซอร์แลนด์
- Breguet ก่อตั้งในปี 1775 ในสวิตเซอร์แลนด์
- Longines ก่อตั้งในปี 1832 ในสวิตเซอร์แลนด์
สำหรับ Longines ถ้านับถึงวันนี้ ก็มีอายุแบรนด์ กว่า 189 ปีแล้ว
โดยผู้ที่เริ่มต้นประวัติศาสตร์ของแบรนด์นี้
คือชายที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องนาฬิกา ชื่อว่า Auguste Agassiz
ในปี 1832 คุณ Auguste Agassiz ได้ร่วมกับพาร์ตเนอร์อีก 2 คน ก่อตั้งโรงงานผลิตชิ้นส่วนและนาฬิกาพก ขึ้นในเมืองแซงต์ อิมิเยร์ (Saint-Imier) ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศสวิตเซอร์แลนด์
เมืองแซงต์ อิมิเยร์ ในสมัยนั้น มีภูมิประเทศที่เป็นทุ่งหญ้ากว้างไกลสุดลูกหูลูกตา
ผู้คนในท้องถิ่นจึงเรียกเมืองแห่งนี้อีกชื่อว่า “Les Longines”
ที่มีความหมายว่า เมืองแห่งทุ่งหญ้ากว้างไกล
และนั่นก็คือที่มาของชื่อแบรนด์ “Longines” ในเวลาต่อมา..
จากนั้นไม่นาน คุณ Auguste Agassiz ก็ได้ดึงตัวหลานชายของเขาชื่อว่า Ernest Francillon มาร่วมธุรกิจ
ซึ่งคุณ Ernest Francillon คนนี้เอง ที่เข้ามาปลุกความยิ่งใหญ่ให้กับโรงงานนาฬิกาแห่งนี้
คุณ Ernest Francillon มีพื้นฐานเป็นนักเศรษฐศาสตร์มาก่อน
เขาจึงมีความรอบรู้ในเรื่องการทำธุรกิจ
อย่างเช่น การผลิตอย่างไรให้คุ้มทุน และการตั้งราคาขายอย่างไรให้เหมาะสม
เขาได้สร้างโรงงานผลิตนาฬิกาแห่งใหม่ที่ใหญ่ขึ้นในแซงต์ อิมิเยร์
และเปลี่ยนกระบวนการผลิตนาฬิกาในโรงงานไปจากเดิม
จากที่ช่างแต่ละคนจะทำนาฬิกาของใครของมัน เปลี่ยนมาเป็นแบ่งกันผลิตเป็นฝ่าย แยกผลิตตามชิ้นส่วน มีช่างผลิตกลไก ช่างผลิตตัวเรือน และช่างประกอบชิ้นส่วน
หรือพูดง่าย ๆ ว่า คุณ Ernest Francillon กำลังเปลี่ยนโรงงานแห่งนี้ ให้ผลิตแบบ “Mass Production”
การเปลี่ยนรูปแบบการผลิตมาเป็นแบบ Mass Production
ไม่เพียงแต่จะทำให้นาฬิกาของ Longines มีต้นทุนการผลิตที่ถูกลงอย่างมากเท่านั้น
แต่ยังทำให้แต่ละขั้นตอนการผลิตมีประสิทธิภาพที่สูงขึ้นมาก
ซึ่งทำให้นาฬิกาพกในยุคนั้นของ Longines
ขึ้นชื่อในเรื่องความประณีต สง่างาม และเที่ยงตรงแต่นั้นมา
ความเที่ยงตรงของนาฬิกา Chronograph หรือนาฬิกาจับเวลาของ Longines
เป็นที่ยอมรับไปไกล ข้ามน้ำข้ามทะเลไปถึงสหรัฐอเมริกา
และได้รับเลือกเป็นผู้กำกับเวลาอย่างเป็นทางการ ในหลากหลายกีฬามาตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 19 โดยเฉพาะกีฬาแข่งม้า
นอกจากนั้น Longines ยังถูกเลือกให้เป็นซัปพลายเออร์ของหลายองค์กรสำคัญ ทั้งในสหรัฐอเมริกาและหลายประเทศทั่วโลก
หลังความสำเร็จในระดับโลกตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 19
ทำให้ Longines เดินหน้าพัฒนาเรือนนาฬิกาที่มีความหลากหลายตามสไตล์การใช้งานตามยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป จนเกิดเป็นนาฬิกาหลากหลายคอลเลกชัน ที่ยังคงเป็นที่นิยมมาจนถึงวันนี้
ไม่ว่าจะเป็น “Conquest” คอลเลกชันสุดคลาสสิกของแบรนด์ ที่ถือเป็นต้นกำเนิดของหลายคอลเลกชันของ Longines
“Flagship” คอลเลกชันสไตล์วินเทจ ที่โดดเด่นด้วยหน้าปัดสีดำและสายหนังแท้สะท้อนความเรียบหรู ซึ่งคอลเลกชันนี้ เปิดตัวในปี 1957
“HydroConquest” คอลเลกชันสไตล์สปอร์ต ที่โดดเด่นเรื่องความสามารถในการดำน้ำลึก จากความนิยมในกีฬาทางน้ำในช่วงทศวรรษ 1950-1960s
“DolceVita” คอลเลกชันสำหรับคุณผู้หญิง ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากโมเดลหนึ่งในยุค 1920 ที่มาพร้อมเอกลักษณ์หน้าปัดทรงสี่เหลี่ยมมุมฉากประดับเพชรสุดหรูหรา
“La Grande Classique de Longines” คอลเลกชันที่เป็นตัวแทนของความสง่างามและคลาสสิก ซึ่งโดดเด่นด้วยเฉดสีน้ำเงินที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์
“Longines Avigation BigEye” คอลเลกชันที่คว้ารางวัลนาฬิกายอดเยี่ยมจากเวที Grand Prix 2017 ที่เจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ ผสมผสานดีไซน์จากยุค 1930s เพื่อคงความเป็นนาฬิกาสำหรับนักบินซึ่งเป็นวงการที่ Longines มีสายสัมพันธ์อย่างลึกซึ้งมาอย่างยาวนาน
“Longines PrimaLuna” อีกคอลเลกชันนาฬิกาสำหรับคุณผู้หญิง ที่หรูหราสง่างาม ผสมผสานความคลาสสิกและความทันสมัย ยากที่จะหาใครเปรียบ
“Longines Master Moonphase” คอลเลกชันแบบ “Complicate watch” คือมีฟังก์ชันการใช้งานที่ซับซ้อนครบครัน สะท้อนถึงประสิทธิภาพและความสง่างามอันเป็นหัวใจหลักของแบรนด์ Longines
ความเที่ยงตรง ประณีต และสง่างามเหนือกาลเวลา
จึงทำให้วลี “Elegance is an Attitude” หรือก็คือ “ความสง่างาม คือทัศนคติ”
ได้กลายมาเป็น สโลแกนของ Longines ตั้งแต่ปี 1999 เป็นต้นมา จวบจนปัจจุบัน
ในยุคสมัยที่ทุกอย่างเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วเช่นในวันนี้
Longines อยู่ภายใต้ Swatch Group บริษัทนาฬิการะดับโลกสัญชาติสวิส
และอยู่ภายใต้การนำของ CEO มากประสบการณ์ในวงการ Luxury Watch คนปัจจุบัน ที่ชื่อว่า Matthias Breschan
โดยคุณ Matthias Breschan มีมุมมองต่อธุรกิจนาฬิกาหรูว่า
“อุตสาหกรรมนาฬิกาหรู เป็นอุตสาหกรรมที่น่าทึ่ง เพราะเป็นเพียงไม่กี่อุตสาหกรรมที่ต้องปรับตัวตามเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า ควบคู่ไปกับการเคารพในธรรมเนียมและเอกลักษณ์ในอดีต”
อีกหนึ่งความน่าสนใจของ Longines ในทุกวันนี้ คือเรื่อง “ความคุ้มค่า”
เพราะมีราคาที่จับต้องได้ไม่ยาก เมื่อเทียบกับคุณภาพในระดับนี้
อย่างในประเทศไทย นาฬิกาของ Longines
มีราคาเริ่มต้นที่หลัก 30,000 บาท ไปจนถึงหลักหลายแสนบาท
ซึ่งด้วยราคาเริ่มต้นที่ไม่กี่หมื่นบาท ทำให้สาวกนาฬิกาชาวไทยหลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า
นาฬิกา Longines นั้น “คุณภาพหลักแสน ในราคาหลักหมื่น”
และหากเราลองมาดูตัวอย่างรุ่นนาฬิกาที่น่าสนใจ
อย่างเช่น “Longines Master Moonphase” ที่กลายเป็นกระแสฮือฮา
หลังจากที่ปรากฏอยู่บนข้อมือของนักแสดงนำ Lee Min Ho ในซีรีส์ The King: Eternal Monarch ที่เคยขึ้นอันดับ 1 บน Netflix ในปี 2020 ที่ผ่านมา
Longines Master Moonphase เรือนนี้
ตัวเรือนผลิตจากสเตนเลสสตีล กระจกหน้าปัดแซปไฟร์กันรอยขีดข่วน ฝาด้านหลังตัวเรือนแบบโปร่งใสพร้อมกระจกหน้าปัดแซปไฟร์ และมาพร้อมฟังก์ชันการใช้งานที่ครบครัน
ทั้งการจับเวลา บอกวันและเดือน ฟังก์ชัน Moonphase ที่บอกช่วงเวลา “ข้างขึ้นข้างแรม” ที่ให้ความรู้คลาสสิกเมื่อสวมใส่ และสำรองพลังงานได้ 72 ชั่วโมง
Longines Master Moonphase ที่มีฟังก์ชันการใช้งานครบระดับนี้
ทำให้หลายคนคิดว่า ต้องมีราคาหลักหลายแสนบาท
แต่ความจริงแล้ว นาฬิการุ่นนี้ มีราคาขายในไทยที่หลัก 1 แสนบาทต้น ๆ เท่านั้น
ซึ่งถือว่า หาความคุ้มค่าในระดับนี้ ได้ยากมาก ๆ
ทั้งหมดนี้ ก็คือเรื่องราวความเป็นมาและความน่าสนใจ
ของ Longines แบรนด์นาฬิกา 189 ปี สัญชาติสวิส
ที่มีความโดดเด่นทั้งความงดงามในการออกแบบ ราคาที่จับต้องได้
และยังคงส่งความเที่ยงตรง ความสง่างาม ข้ามกาลเวลา มาจนถึงปัจจุบัน..
สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม และสั่งซื้อได้ที่
Longines Line: @Longines_th
Longines FB: https://web.facebook.com/LonginesTH
Longines website: www.longines.co.th
Lazada Longines: https://www.lazada.co.th/shop/longines-official-store/
Shopee Longines: https://shopee.co.th/longinesofficialstore
#LonginesThailand #EleganceIsAnAttitude
References
-https://www.longines.com/company/history/21th/2014
-https://www.swatchgroup.com/en/companies-brands/watches-jewelry/longines
-https://watchranker.com/oldest-watch-brands/
-https://www.longines.com/th/watch-longines-master-collection-l2-673-4-78-3
-เอกสารประชาสัมพันธ์ Longines ประเทศไทย
swiss history 在 Imagine Scent Youtube 的最佳解答
FTC Disclosure: This is NOT a sponsored post. All opinions expressed in this video are entirely my own. Some of the below links are affiliate links, which earn me a small commission on purchases made. Thank you for reading.
SWISS ARABIAN PERFUMES - Westernize Oud Fragrances from Dubai
Swiss Arabian is a Dubai base fragrance company that focus mainly on Arabian style oud fragrances. The have quite a large selection and a long history, founded back in 1974. They just recently decided to expand into the US market and they decided to sponsor a video on this channel so that I can show you guys, some of the fragrances that they offer.
Swiss Arabian USA- https://shop.sa-usa.com/
Swiss Arabian Instagram- https://www.instagram.com/swissarabian.usa/
Swiss Arabian Facebook- https://www.facebook.com/SwissArabian.USA/
---Fragrances Mentioned---
Mutamayez- https://shop.sa-usa.com/products/mutamayez-100-ml
Oud Maknoon- https://shop.sa-usa.com/products/oud-maknoon-edp-45-ml
Shaghaf Oud- https://shop.sa-usa.com/products/shaghaf-oud-75-ml
Dharwah- https://shop.sa-usa.com/products/dharwah-edp-50ml
Casablanca- https://shop.sa-usa.com/products/casablanca-unisex-efp-100-ml
------------------------------------------------------------------------------------------------------------
- NEW "i HEART Niche" Long sleeve Shirt
https://amzn.to/2jLAzm0
- Best Place for Decants
https://www.decantboutique.com/
Coupon Code: imaginemay
For 7% Off
- New Vlog Channel
https://www.youtube.com/watch?v=U2EDVDaJvNQ&t=4s
- Please Support The Channel
Instagram: https://www.instagram.com/imaginescent/
Patreon- https://www.patreon.com/imaginescent
- All My Favorite Gears
https://amzn.to/2JaIHHw
- My Ridiculous Wish List
https://amzn.to/2r5nZlM
---------------------------------------------------------------------------------------------------------
CHECK OUT MY TOP 10 DESIGNER FRAGRANCES
https://amzn.to/2ur9KvU
https://amzn.to/2pEbkpm
https://amzn.to/2IWf1hV
https://amzn.to/2G9myfx
https://amzn.to/2Gbx9CU
https://amzn.to/2IUeehz
https://amzn.to/2pI2mr9
https://amzn.to/2DXxabw
https://amzn.to/2GbHbYA
https://amzn.to/2pHAvY1
---------------------------------------------------------------------------------------------------------
WHAT I USE TO MAKE THIS VIDEO
Best Camera Ever- http://amzn.to/2kVevr3
Best Wide Lens- https://amzn.to/2K0d3gZ
Affordable Wide Lens- http://amzn.to/2lmrSSe
Lens for Cinematic Close Up Shots- https://amzn.to/2Jap4PS
Amazing Microphone- http://amzn.to/2ktZ8VQ
Affordable Lighting- https://amzn.to/2JaHgJg
Best Editing Software- https://amzn.to/2qJXYs5
---------------------------------------------------------------------------------------------------------
- CONNECT WITH ME THROUGH SOCIAL MEDIA
Facebook: https://www.facebook.com/imaginescent/
Instagram: https://www.instagram.com/imaginescent/
#imaginescent
- MUSIC
https://www.epidemicsound.com/
- SUBSCRIBE FOR MORE AWESOME REVIEWS
https://www.youtube.com/c/imaginescent
Stay tune for more Top 10 Best Men Fragrances, Most Complimented Fragrances, Best Designer Fragrances, Best Niche Fragrances, Brand Reviews, and much much more.
swiss history 在 How was Switzerland Formed? -The History of Switzerland 的推薦與評價
How was Switzerland Formed? -The History of Switzerland ♢Consider supporting the Channel : https://www.patreon.com/Knowledgia ♢Please ... ... <看更多>
swiss history 在 WW2 From the Swiss Perspective | Animated History - YouTube 的推薦與評價
Exclusive! Grab the NordVPN deal ➼ https://nordvpn.com/historyvpn and get +4 months for free. Try it risk-free now with a 30-day money-back ... ... <看更多>
swiss history 在 The Animated History of Switzerland - YouTube 的推薦與評價
... Pin by supporting on Patreon: https://www.patreon.com/user?u=3585241 # switzerland # history #suibhne Four languages, two major religions, ... ... <看更多>