Hunt for the Wilderpeople (7/10)
พอดูผลงานไทก้า ไวติติ เยอะขึ้นก็เริ่มมั่นใจว่าเซ้นส์มุกตลกของหนังเขากับตัวเรามันคลิกกัน ดังนั้นถ้าเขาไม่เปลี่ยนสไตล์ไปเสียก่อนก็น่าจะเพลินกับอารมณ์ขันของไวติติไปได้ยาว ๆ (What We Do in the Shadows, Jojo Rabbit และ Thor: Ragnarok)
-------------------------------
หนังเล่าเรื่องของ 'ริกกี้' (Julian Dennison ที่เพิ่งเล่น Deadpool 2) เด็กมีปัญหาที่ถูกอุปการะโดย 'เบลล่า' ภรรยาของ 'เฮ็ก' (Sam Neill) แต่แล้วเมื่อเบลล่าเสียชีวิต จึงเป็นหน้าที่ของสถานดูแลเด็กต้องมารับตัวกลับ ซึ่งริกกี้ไม่ได้อยากกลับจึงตัดสินใจหนีเข้าป่า เดือดร้อนถึงเฮ็กต้องไปตามตัวกลับก่อนเด็กน้อยจะตายในป่า โดยระหว่างเดินทางกลับนั้นเฮ็กเกิดขาเจ็บทำให้ต้องติดอยู่ในป่าหลายวัน ส่งผลให้สถานดูแลเด็กเข้าใจผิดคิดว่าเป็นคดีลักพาตัวจึงจัดกำลังเจ้าหน้าที่จำนวนมากออกตามล่า
.
พอดูผลงานไทก้า ไวติติ เยอะขึ้นก็เริ่มมั่นใจว่าเซ้นส์มุกตลกของหนังเขากับตัวเรามันคลิกกัน ดังนั้นถ้าเขาไม่เปลี่ยนสไตล์ไปเสียก่อนก็น่าจะเพลินกับอารมณ์ขันของไวติติไปได้ยาว ๆ (What We Do in the Shadows และ Thor: Ragnarok) ส่วนเรื่องนี้อาจจะขำน้อยสุดแต่มันก็ทำให้เห็นว่าเขาสามารถทำหนังเนื้อหาจริงจังด้วยโทนคอมเมดี้ได้ หนังใช้ความเป็น road movie เข้าป่าเพื่อสานสัมพันธ์ระหว่างเด็กเหลือขอจากสถานพินิจกับลุงแก่ ๆ ที่ไม่จำใจอุปถัมภ์เด็กรับมาเลี้ยง โดยหนังเล่าจากมุมมองสายตาเด็กจึงจะมีความชังโลก ชังระบอบที่เด็กเผชิญมาอยู่พอสมควร ซึ่งการเข้าป่าของทั้งสองคนจึงเปรียบได้กับการพยายามหลบหนีโลกไปหาความสบายใจในป่าที่ไม่มีกฎเกณฑ์หรือกฎระเบียบจากสังคมมาครอบงำ ไม่ต้องเผชิญกับสังคมที่ไม่ต้อนรับพวกเขา ทั้งเด็กเหลือขอที่ทำลายข้าวของเป็นประจำ และลุงที่เคยติดคุกเป็นรอยด่างของชีวิต
.
พอมันพูดประเด็นเด็กไม่มีพ่อแม่เลี้ยงดู = หมดความไว้วางใจในผู้ใหญ่ จึงกลายเป็นเด็กทำตัวมีปัญหาก่อเรื่องไปทั่ว แต่เมื่อมีคนให้ความอบอุ่นก็เหมือนดึงด้านดี ๆ ในตัวเด็กออกมาได้อยู่ เพราะเด็กไม่ได้เลวแต่กำเนิดแต่การไม่ถูกดูแลเอาใจใส่ต่างหากที่ทำให้พฤติกรรมเด็กไม่เป็นอย่างที่สังคมคาดหวัง หนังใช้การเข้าป่าพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างลุงกับเด็กได้อย่างเป็นธรรมชาติมาก ๆ เพียงแต่ช่วงท้ายมันสร้างปมขัดแย้งและคลี่คลายแหม่ง ๆ ไปหน่อย วนกลับมาพูดเรื่องการทรยศในสายตาเด็กและทำความเข้าใจกันอีกครั้งในแบบแทบจะหลุดโลกเดิม ๆ ที่เล่ามาพอสมควร (เราคิดว่าหนังมันพยายามทำตัวเป็น Thelma & Louise ไปหน่อย) ซึ่งในแง่ความสนุกมันก็บันเทิงเต็มที่แหละ แต่เว่อร์วังไปหน่อย
.
ส่วนความตลกนั้นจัดเต็ม ไม่แปลกใจที่จูเลียน เดนนิสัน จะได้ข้ามน้ำข้ามทะเลไปเล่นหนังฮอลลีวูดแบบ Deadpool 2 ในบทคล้าย ๆ กัน และมุกในหนังของไวติติมันเข้ากับความเป็นเด็กของจูเลียนด้วย มันมีความต๊อง ๆ แบบสมองเด็กคิดมาได้ไงว่าแผนนี้จะเวิร์ค ผสมกับอารมณ์ขันแบบโลกผู้ใหญ่ที่เป็นสากล หนังเขาไม่จำเป็นต้องหยาบคายหรือรุนแรงแต่อาศัยจังหวะการชงมุกตบมุกที่แม่นยำก็เพียงพอจะเรียกเสียงหัวเราะแล้ว (แต่อย่างที่บอกว่าถ้าจะเอาความตลกเพียว ๆ เราคิดว่างานขึ้นหิ้งเขาคือ What We Do in the Shadows ที่ขยี้หนังแวมไพร์ซะเละเทะเลย)
.
.
.
.
ดูแบบซับไทยได้เลยใน Netflix: https://www.netflix.com/watch/80096995
.
.
.
ดูรีวิวซีรีส์ได้ที่: http://bit.ly/2STE5O4
อ่านเกร็ดหนังคั่นเวลา: http://bit.ly/2QMsEVV
หรืออยากอ่านสาระยาว ๆ แก้เบื่อ: http://bit.ly/2QnHCmb
#หนังโปรดของข้าพเจ้า
