วิธีแก้หนี้ที่ดีที่สุด
“ไม่มีใครทำให้เรารวยได้
ถ้าเราไม่อยาก
และไม่มีใครทำให้เราจนได้
ถ้าเราไม่ยอม”
สำหรับคนที่เป็นหนี้หนักจนเริ่มมีปัญหาสภาพคล่อง รายรับไม่พอรายจ่าย คำแนะนำทางการเงินที่ดีที่สุด ก็คงหนีไม่พ้น ลดรายจ่าย และ เพิ่มรายได้
ทั้งนี้คนเราควรเลือกลดรายจ่ายก่อน เพราะเป็นเงินที่อยู่ในมือเรา สามารถจัดการได้ง่ายกว่าการหารายได้ ที่ต้องใช้ความคิด ความพยายาม รวมไปถึงอาจมีการลงทุนสร้างสินค้าและบริการ เพื่อดึงดูดเงินคนอื่นเข้ากระเป๋า
อย่างไรก็ดี เวลาพูดถึงการลดรายจ่าย หลายคนมักจะคิดถึงการลดรายจ่ายทั่วไป เช่น ค่าอาหาร ค่าเดินทาง และค่าใช้จ่ายข้าวของส่วนตัว ฯลฯ ซึ่งการลดรายจ่ายพวกนี้ก็พอจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้กับเราได้ แต่ก็ทำได้แค่ประคองชีวิตเท่านั้น ไม่ใช้การแก้ปัญหาให้หายขาด เพราะตราบใดที่เรายังค้างหนี้เขาอยู่ หนี้ที่เราค้างก็จะสร้างรายจ่ายคงที่ให้กับเราทุกเดือน ต่อให้เดือนนี้กินอยู่ประหยัดแค่ไหน เดือนหน้าก็ยังต้องกัดฟันกินอยู่อัตคัดต่อไปจนกว่าหนี้จะหมด
คิดง่าย ๆ หากใครสร้างหนี้เกินตัว ออกรถมาใช้ทั้งที่ไม่พร้อม ทำให้เงินรายรับไม่พอรายจ่าย แล้วเลือกกัดฟันกินอยู่ประหยัด กินแต่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ไม่ซื้อเสื้อผ้า ลดเกรดข้าวของเครื่องใช้ ฯลฯ แต่ไม่จัดการที่ตัวหนี้ตรง ๆ แบบนี้ก็ต้องกัดฟันกันไปยาว ๆ อีก 60 เดือนเลย
ไม่ได้บอกว่าเป็นหนี้แล้วไม่ต้องประหยัดนะครับ แต่ต้องประหยัดให้ถูกทาง
ที่บอกว่าประหยัดให้ถูกทาง หมายถึง เราต้องมุ่งไปที่การลดค่าใช้จ่ายคงที่ที่เกิดจากหนี้ (ผล) โดยโฟกัสไปที่ตัวหนี้แต่ละก้อน (เหตุ) ไม่ใช่ปรับลดค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันอย่างเดียว ควรทำควบคู่กันไป จะให้ผลลัพธ์ที่ดี และเร็วกว่า
ตัวอย่างเช่น ถ้าผ่อนหนี้รถไม่ไหว การเข้าไปคุยกับบริษัทลีซซิ่งที่เรากู้ซื้อรถมาใช้ เพื่อขอยืดระยะเวลาผ่อน ลดค่างวดลง หรือขายทิ้งออกไปก่อน เป็นการปลดภาระรายเดือนได้เร็วกว่าการบีบชีวิตตัวเอง ด้วยการกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เป็นต้น
นอกจากการลดรายจ่ายจากหนี้แล้ว สิ่งที่ต้องทำควบคู่กันไป ก็คือ การหารายได้เพิ่ม เพื่อนำเงินไปโปะชำระหนี้
เพราะการลดค่าใช้จ่าย สุดท้ายเราจะลดได้ถึงระดับหนึ่งเท่านั้น ด้วยเหตุของเงินรายได้ที่มีจำกัด ดังนั้นหากต้องการออกจากปัญหาหนี้ให้ไว จึงจำเป็นต้องมีเงินเข้ามาเพิ่มครับ
และถ้าจะให้ดี ควรเป็นรายได้เสริมหรือรายได้เพิ่ม ที่มาจากทุนชีวิตที่มีอยู่เดิม อาทิ ความรู้ ทักษะ ประสบการณ์ งานอดิเรก เครือข่ายคนรู้จัก และไอเดีย ฯลฯ เนื่องจากเป็นสิ่งที่เรามีอยู่กับตัว ไม่ต้องใช้เงินลงทุนเพิ่มมากเกินไป และที่สำคัญ หลายอย่างทำได้เลยทันที
เช่น หากปัจจุบันเราประกอบอาชีพวิศวกร ก็อาจรับจ้างออกแบบหรือรับจ้างคุมงาน หากรู้เรื่องบัญชี ก็อาจรับจ้างทำและตรวจสอบบัญชี หรือใครเคยเรียนเก่งเรียนดี ก็อาจรับจ้างสอนพิเศษให้เด็ก ๆ ใครทำอาหารเป็นลองขายอาหาร วาดการ์ตูนเป็น ก็ลองติดต่อสำนักพิมพ์รับจ้างวาดการ์ตูน หรืออาจวาดขายเป็นสติกเกอร์ในไลน์เลยก็ได้
คิดง่าย ๆ คือ หยิบทักษะ หรือสิ่งที่พอทำได้ ไปลองทำการตลาดดู
ยิ่งในยุคนี้มีช่องทางออนไลน์ ให้เราโฆษณาผลงานผ่านทางโซเชียลมีเดียได้ง่าย ๆ สบาย ๆ สำคัญคือ เริ่มต้นเท่าที่ทำได้ และลงมือทำให้สม่ำเสมอ
หรือถ้ายังไม่แน่ใจว่า ตัวเราเองมีความสามารถอะไรบ้าง ลองใช้ตารางในภาพในการวิเคราะห์ต้นทุนทางปัญญาและโอกาสของตัวเองกันดู ก็ได้ประโยชน์ดีครับ
สิ่งสำคัญมีเพียงข้อเดียวเลยครับ .. คือ ต้องไม่ดูถูกตัวเอง ดูแคลนความสามารถที่มี ว่าทำมาหากินไม่ได้ บางเรื่องมันก็ต้องฝึกฝนเพิ่มเติมกันทั้งนั้นแหละ ไม่ใช่ทำครั้งแรกแล้วดีเลย ตั้งใจทำ ทำให้ต่อเนื่อง ให้กำลังใจตัวเอง ท้อหรือเหนื่อยเมื่อไหร่ ถามตัวเองว่า “อยากหลุดพ้นปัญหาจริงหรือเปล่า?”
ถ้าอยากมีชีวิตที่ดีขึ้น ก็ต้องสู้ ก็ต้องคิดให้ออก คิดให้ได้ครับ
นอกจาก ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ อีกหนึ่งวิธีที่ผมใช้ในการแก้ปัญหา ซึ่งนอกจากจะทำให้ปลดหนี้ได้แล้ว ยังช่วยทำให้เรามีอิสรภาพการเงินได้อีกด้วย ก็คือ การสร้างทรัพย์สิน ครับ
ทั้งนี้หลักการก็คือ ถ้าเราสร้างทรัพย์สินในวันที่เราเป็นหนี้ได้ ทรัพย์สินจะสร้างรายได้หรือกระแสเงินสด ที่เรียกกันว่า Passive Income ให้กับเรา
ในวันที่เราเป็นหนี้ รายได้จากทรัพย์สินจะช่วยผ่อนหนี้ให้กับเราทุกเดือน เป็นเหมือนเครื่องทุนแรง ทำให้เราไม่ต้องออกไปหางานทำทุกวัน และเมื่อผ่อนหนี้หมด ทรัพย์สินจะยังคงอยู่กับเรา และยังคงสร้างกระแสเงินสดจากทรัพย์สินได้ต่อ ช่วยจัดการรายจ่ายในแต่ละเดือน และวันหนึ่งที่รายได้จากทรัพย์สินมากกว่ารายจ่ายรวม ชีวิตของคุณก็จะมีอิสรภาพการเงินในทันที
แนวทางในการสร้างทรัพย์สินระหว่างที่เป็นหนี้ก็คือ มองหาไอเดียหรือโอกาสในการสร้างทรัพย์สิน (asset) โดยใช้เงินตัวเองให้น้อยที่สุด เพื่อให้ทรัพย์สินสร้างรายได้ หรือกระแสเงินสดให้เราทุกเดือน
แล้วอะไรบ้างล่ะที่เป็นทรัพย์สินที่สามารถสร้างขึ้นมาได้โดยไม่ต้องใช้เงินตัวเองมากนัก
1. ธุรกิจ อันนี้ช่องทางมากมายครับ ลองหาไอเดียที่คนต้องการ แก้ไขปัญหาให้คนได้ แต่ให้พยายามคิดเริ่มต้นแบบเล็ก ๆ ก่อน แล้วค่อยหาทางขยับขยาย
2. อสังหาริมทรัพย์ เช่น บ้านเช่า หรือคอนโดให้เช่า เราสามารถใช้เครดิตการเงินของเรา หรือของคนในครอบครัวเราลงทุนได้ โดยใช้เงินตัวเองไม่มาก
3. งานที่มีลิขสิทธิ์ เช่น การเขียนหนังสือ แต่งเพลง ฯลฯ งานแบบนี้เหนื่อยในช่วงแรก แต่งานออกมาแล้วก็มีรายได้ไปเรื่อย ๆ ตราบใดที่ยังมีคนสนใจงานเราอยู่ ยิ่งในปัจจุบันมีโอกาสเพิ่มมากขึ้น จากค่าโฆษณาทั้งในเฟซบุ๊กและยูทูป ขอแค่มีไอเดีย ก็สร้างรายได้ที่ได้ต่อเนื่องเป็นประจำทุกเดือนได้
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องบอกก่อนว่า การสร้างทรัพย์สินเป็นงานที่ต้องอาศัยความอดทนสูง ในช่วงแรกของการสร้างอาจยังไม่มีรายได้เข้ามา เหมือนการปลูกต้นมะม่วง ที่อาจต้องใช้เวลาพรวนดิน ใส่ปุ๋ย ใส่ใจ กว่าจะได้กินผลอร่อยของมัน แต่เป็นงานที่สร้างแล้วสามารถเก็บกินระยะยาวได้ ซึ่งต่างกับการทำงานแลกเงิน ที่เปรียบได้กับการปลูกถั่วงอก ทำแล้วรอไม่นาน ก็เก็บกินเก็บขายได้เลย แต่ก็ต้องปลูกใหม่ทดแทนอยู่เรื่อย ๆ
แนวทางแก้หนี้ทั้งหมดที่ผมเล่าให้ฟังในบทนี้ ทั้งการ ลดและควบคุมรายจ่าย หางานพิเศษทำสร้างรายได้เพิ่ม และอดทนสร้างทรัพย์สินไปด้วยควบคู่กันไป” ผมเรียกแบบเก๋ ๆ ของผมเองว่า แนวทางปลดหนี้แบบ 300%
มันจะไหวเหรอ ทำทั้งสามอย่างพร้อมกัน จะเอาเวลาที่ไหน ทุกวันนี้แค่หนี้ที่มียังหาใช้เขาไม่พอเลย วิธีที่โค้ชพูดมา ไม่ใช่ว่าทุกคนหรอกนะที่จะทำได้ ... หลายท่านอาจคิดแบบนี้
จริงครับ ... คนธรรมดา ๆ ทำไม่ได้หรอก มันต้องคนพิเศษ คนที่รักชีวิตของตัวเอง ไม่ยอมให้ชีวิตจมปลักอยู่กับความทุกข์นาน ๆ และพยายามยืนหยัดสู้ทุกหนทางเพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิตให้ดีขึ้นเท่านั้น ถึงจะทำได้
แต่ข่าวดีที่อยากจะบอกคนเป็นหนี้ทุกคน ก็คือ คนพิเศษที่ว่านี้ ในอดีตก็เป็นคนธรรมดาเหมือนคุณนั่นแหละ!!! ถ้ามีคนบนโลกสักคนหนึ่งทำได้ แล้วมันมีเหตุผลอะไรหนักหนาที่เราจะทำแบบเขาไม่ได้เล่า
ที่มา: หนังสือ "เปลี่ยนหนี้เป็นอิสรภาพการเงิน" เขียนโดย โค้ชหนุ่ม จักรพงษ์ เมษพันธุ์
ทักษะ หมายถึง 在 Money Coach Facebook 的最佳貼文
วิธีแก้หนี้ที่ดีที่สุด ... (แก้หนี้แบบ 300%)
“ไม่มีใครทำให้เรารวยได้ ถ้าเราไม่อยาก
และไม่มีใครทำให้เราจนได้ ถ้าเราไม่ยอม”
สำหรับคนที่เป็นหนี้หนักจนเริ่มมีปัญหาสภาพคล่อง รายรับไม่พอรายจ่าย คำแนะนำทางการเงินที่ดีที่สุด ก็คงหนีไม่พ้น ลดรายจ่าย และ เพิ่มรายได้
ทั้งนี้คนเราควรเลือกลดรายจ่ายก่อน เพราะเป็นเงินที่อยู่ในมือเรา สามารถจัดการได้ง่ายกว่าการหารายได้ ที่ต้องใช้ความคิด ความพยายาม รวมไปถึงอาจมีการลงทุนสร้างสินค้าและบริการ เพื่อดึงดูดเงินคนอื่นเข้ากระเป๋า
อย่างไรก็ดี เวลาพูดถึงการลดรายจ่าย หลายคนมักจะคิดถึงการลดรายจ่ายทั่วไป เช่น ค่าอาหาร ค่าเดินทาง และค่าใช้จ่ายข้าวของส่วนตัว ฯลฯ ซึ่งการลดรายจ่ายพวกนี้ก็พอจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้กับเราได้ แต่ก็ทำได้แค่ประคองชีวิตเท่านั้น ไม่ใช้การแก้ปัญหาให้หายขาด เพราะตราบใดที่เรายังค้างหนี้เขาอยู่ หนี้ที่เราค้างก็จะสร้างรายจ่ายคงที่ให้กับเราทุกเดือน ต่อให้เดือนนี้กินอยู่ประหยัดแค่ไหน เดือนหน้าก็ยังต้องกัดฟันกินอยู่อัตคัดต่อไปจนกว่าหนี้จะหมด
คิดง่าย ๆ หากใครสร้างหนี้เกินตัว ออกรถมาใช้ทั้งที่ไม่พร้อม ทำให้เงินรายรับไม่พอรายจ่าย แล้วเลือกกัดฟันกินอยู่ประหยัด กินแต่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ไม่ซื้อเสื้อผ้า ลดเกรดข้าวของเครื่องใช้ ฯลฯ แต่ไม่จัดการที่ตัวหนี้ตรง ๆ แบบนี้ก็ต้องกัดฟันกันไปยาว ๆ อีก 60 เดือนเลย
ไม่ได้บอกว่าเป็นหนี้แล้วไม่ต้องประหยัดนะครับ แต่ต้องประหยัดให้ถูกทาง
ที่บอกว่าประหยัดให้ถูกทาง หมายถึง เราต้องมุ่งไปที่การลดค่าใช้จ่ายคงที่ที่เกิดจากหนี้ (ผล) โดยโฟกัสไปที่ตัวหนี้แต่ละก้อน (เหตุ) ไม่ใช่ปรับลดค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันอย่างเดียว ควรทำควบคู่กันไป จะให้ผลลัพธ์ที่ดี และเร็วกว่า
ตัวอย่างเช่น ถ้าผ่อนหนี้รถไม่ไหว การเข้าไปคุยกับบริษัทลีซซิ่งที่เรากู้ซื้อรถมาใช้ เพื่อขอยืดระยะเวลาผ่อน ลดค่างวดลง หรือขายทิ้งออกไปก่อน เป็นการปลดภาระรายเดือนได้เร็วกว่าการบีบชีวิตตัวเอง ด้วยการกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เป็นต้น
นอกจากการลดรายจ่ายจากหนี้แล้ว สิ่งที่ต้องทำควบคู่กันไป ก็คือ การหารายได้เพิ่ม เพื่อนำเงินไปโปะชำระหนี้
เพราะการลดค่าใช้จ่าย สุดท้ายเราจะลดได้ถึงระดับหนึ่งเท่านั้น ด้วยเหตุของเงินรายได้ที่มีจำกัด ดังนั้นหากต้องการออกจากปัญหาหนี้ให้ไว จึงจำเป็นต้องมีเงินเข้ามาเพิ่มครับ
และถ้าจะให้ดี ควรเป็นรายได้เสริมหรือรายได้เพิ่ม ที่มาจากทุนชีวิตที่มีอยู่เดิม อาทิ ความรู้ ทักษะ ประสบการณ์ งานอดิเรก เครือข่ายคนรู้จัก และไอเดีย ฯลฯ เนื่องจากเป็นสิ่งที่เรามีอยู่กับตัว ไม่ต้องใช้เงินลงทุนเพิ่มมากเกินไป และที่สำคัญ หลายอย่างทำได้เลยทันที
เช่น หากปัจจุบันเราประกอบอาชีพวิศวกร ก็อาจรับจ้างออกแบบหรือรับจ้างคุมงาน หากรู้เรื่องบัญชี ก็อาจรับจ้างทำและตรวจสอบบัญชี หรือใครเคยเรียนเก่งเรียนดี ก็อาจรับจ้างสอนพิเศษให้เด็ก ๆ ใครทำอาหารเป็นลองขายอาหาร วาดการ์ตูนเป็น ก็ลองติดต่อสำนักพิมพ์รับจ้างวาดการ์ตูน หรืออาจวาดขายเป็นสติกเกอร์ในไลน์เลยก็ได้
คิดง่าย ๆ คือ หยิบทักษะ หรือสิ่งที่พอทำได้ ไปลองทำการตลาดดู
ยิ่งในยุคนี้มีช่องทางออนไลน์ ให้เราโฆษณาผลงานผ่านทางโซเชียลมีเดียได้ง่าย ๆ สบาย ๆ สำคัญคือ เริ่มต้นเท่าที่ทำได้ และลงมือทำให้สม่ำเสมอ
หรือถ้ายังไม่แน่ใจว่า ตัวเราเองมีความสามารถอะไรบ้าง ลองใช้ตารางนี้ในการวิเคราะห์ต้นทุนทางปัญญาและโอกาสของตัวเองกันดู ก็ได้ประโยชน์ดีครับ
สิ่งสำคัญมีเพียงข้อเดียวเลยครับ .. คือ ต้องไม่ดูถูกตัวเอง ดูแคลนความสามารถที่มี ว่าทำมาหากินไม่ได้ บางเรื่องมันก็ต้องฝึกฝนเพิ่มเติมกันทั้งนั้นแหละ ไม่ใช่ทำครั้งแรกแล้วดีเลย ตั้งใจทำ ทำให้ต่อเนื่อง ให้กำลังใจตัวเอง ท้อหรือเหนื่อยเมื่อไหร่ ถามตัวเองว่า “อยากหลุดพ้นปัญหาจริงหรือเปล่า?”
ถ้าอยากมีชีวิตที่ดีขึ้น ก็ต้องสู้ ก็ต้องคิดให้ออก คิดให้ได้ครับ
นอกจาก ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ อีกหนึ่งวิธีที่ผมใช้ในการแก้ปัญหา ซึ่งนอกจากจะทำให้ปลดหนี้ได้แล้ว ยังช่วยทำให้เรามีอิสรภาพการเงินได้อีกด้วย ก็คือ การสร้างทรัพย์สิน ครับ
ทั้งนี้หลักการก็คือ ถ้าเราสร้างทรัพย์สินในวันที่เราเป็นหนี้ได้ ทรัพย์สินจะสร้างรายได้หรือกระแสเงินสด ที่เรียกกันว่า Passive Income ให้กับเรา
ในวันที่เราเป็นหนี้ รายได้จากทรัพย์สินจะช่วยผ่อนหนี้ให้กับเราทุกเดือน เป็นเหมือนเครื่องทุนแรง ทำให้เราไม่ต้องออกไปหางานทำทุกวัน และเมื่อผ่อนหนี้หมด ทรัพย์สินจะยังคงอยู่กับเรา และยังคงสร้างกระแสเงินสดจากทรัพย์สินได้ต่อ ช่วยจัดการรายจ่ายในแต่ละเดือน และวันหนึ่งที่รายได้จากทรัพย์สินมากกว่ารายจ่ายรวม ชีวิตของคุณก็จะมีอิสรภาพการเงินในทันที
แนวทางในการสร้างทรัพย์สินระหว่างที่เป็นหนี้ก็คือ มองหาไอเดียหรือโอกาสในการสร้างทรัพย์สิน (asset) โดยใช้เงินตัวเองให้น้อยที่สุด เพื่อให้ทรัพย์สินสร้างรายได้ หรือกระแสเงินสดให้เราทุกเดือน
แล้วอะไรบ้างล่ะที่เป็นทรัพย์สินที่สามารถสร้างขึ้นมาได้โดยไม่ต้องใช้เงินตัวเองมากนัก
1. ธุรกิจ อันนี้ช่องทางมากมายครับ ลองหาไอเดียที่คนต้องการ แก้ไขปัญหาให้คนได้ แต่ให้พยายามคิดเริ่มต้นแบบเล็ก ๆ ก่อน แล้วค่อยหาทางขยับขยาย
2. อสังหาริมทรัพย์ เช่น บ้านเช่า หรือคอนโดให้เช่า เราสามารถใช้เครดิตการเงินของเรา หรือของคนในครอบครัวเราลงทุนได้ โดยใช้เงินตัวเองไม่มาก
3. งานที่มีลิขสิทธิ์ เช่น การเขียนหนังสือ แต่งเพลง ฯลฯ งานแบบนี้เหนื่อยในช่วงแรก แต่งานออกมาแล้วก็มีรายได้ไปเรื่อย ๆ ตราบใดที่ยังมีคนสนใจงานเราอยู่ ยิ่งในปัจจุบันมีโอกาสเพิ่มมากขึ้น จากค่าโฆษณาทั้งในเฟซบุ๊กและยูทูป ขอแค่มีไอเดีย ก็สร้างรายได้ที่ได้ต่อเนื่องเป็นประจำทุกเดือนได้
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องบอกก่อนว่า การสร้างทรัพย์สินเป็นงานที่ต้องอาศัยความอดทนสูง ในช่วงแรกของการสร้างอาจยังไม่มีรายได้เข้ามา เหมือนการปลูกต้นมะม่วง ที่อาจต้องใช้เวลาพรวนดิน ใส่ปุ๋ย ใส่ใจ กว่าจะได้กินผลอร่อยของมัน แต่เป็นงานที่สร้างแล้วสามารถเก็บกินระยะยาวได้ ซึ่งต่างกับการทำงานแลกเงิน ที่เปรียบได้กับการปลูกถั่วงอก ทำแล้วรอไม่นาน ก็เก็บกินเก็บขายได้เลย แต่ก็ต้องปลูกใหม่ทดแทนอยู่เรื่อย ๆ
แนวทางแก้หนี้ทั้งหมดที่ผมเล่าให้ฟังในบทนี้ ทั้งการ ลดและควบคุมรายจ่าย หางานพิเศษทำสร้างรายได้เพิ่ม และอดทนสร้างทรัพย์สินไปด้วยควบคู่กันไป” ผมเรียกแบบเก๋ ๆ ของผมเองว่า แนวทางปลดหนี้แบบ 300%
มันจะไหวเหรอ ทำทั้งสามอย่างพร้อมกัน จะเอาเวลาที่ไหน ทุกวันนี้แค่หนี้ที่มียังหาใช้เขาไม่พอเลย วิธีที่โค้ชพูดมา ไม่ใช่ว่าทุกคนหรอกนะที่จะทำได้ ... หลายท่านอาจคิดแบบนี้
จริงครับ ... คนธรรมดา ๆ ทำไม่ได้หรอก มันต้องคนพิเศษ คนที่รักชีวิตของตัวเอง ไม่ยอมให้ชีวิตจมปลักอยู่กับความทุกข์นาน ๆ และพยายามยืนหยัดสู้ทุกหนทางเพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิตให้ดีขึ้นเท่านั้น ถึงจะทำได้
แต่ข่าวดีที่อยากจะบอกคนเป็นหนี้ทุกคน ก็คือ คนพิเศษที่ว่านี้ ในอดีตก็เป็นคนธรรมดาเหมือนคุณนั่นแหละ!!! ถ้ามีคนบนโลกสักคนหนึ่งทำได้ แล้วมันมีเหตุผลอะไรหนักหนาที่เราจะทำแบบเขาไม่ได้เล่า
บทความจากหนังสือ #เปลี่ยนหนี้เป็นอิสรภาพการเงิน เวอร์ชั่นใหม่ ฉบับปรับปรุง เขียนโดย โค้ชหนุ่ม #TheMoneyCoachTH
ทักษะ หมายถึง 在 หมอแพมชวนอ่าน Facebook 的精選貼文
รีโพสต์
เพราะมีสมาชิกใหม่เข้ามาหลายท่าน
โพสต์นี้ คือตัวตน และแนวคิดของเพจนี้ค่ะ
#หนึ่งตัวอย่าง_สำคัญกว่าหมื่นคำสอน
หมอศรัทธาเรื่องการปลูกฝังให้ลูกรักการอ่านอย่างมาก
ถึงสร้างเพจนี้ขึ้นมา
เพราะอะไร..ถึงเชื่อ?
.
หมอมีประสบการณ์ของเด็กคนหนึ่ง
จะเล่าให้ฟัง...ซึ่งคือตัวหมอเองค่ะ
.
หมอเติบโตมาจากครอบครัวที่มีแม่เลี้ยงเดี่ยว
พ่อเป็นข้าราชการ
แต่เสียชีวิตตั้งแต่หมออายุ 8 ปี พี่ชายอายุ 10 ปี
จากครอบครัวข้าราชการ
แม่ก็เป็นช่างเสริมสวยเปิดร้านเล็กๆของตัวเอง
ไม่ได้ลำบากอะไร...พอพ่อเสียชีวิต
ทุกคนคงพอเดาได้..
.
แม่ต้องทำงานหนักมาก
จากที่เปิดร้านเสริมสวยอย่างเดียว
แม่ต้องทำสวนไปด้วย
เพราะรายได้จากร้านเสริมสวยอย่างเดียว
ไม่พอสำหรับส่งลูกสองคนเรียนหนังสือ
ตี 2 แม่จะออกจากบ้านไปตัดยางพารา
(ยังโชคดีอยู่บ้าง..ที่บ้านมีที่ดินสวนยางพารา)
ตัดยางเสร็จประมาณ 6 โมงเช้า
มาทำอาหารเช้าให้ลูกไปโรงเรียน
หลังจากลูกไปโรงเรียน
กลับไปเก็บน้ำยางพารา เอาน้ำยางไปขาย
เสร็จแล้ว ราวๆ 8-9 โมงเช้า กลับมาเปิดร้านเสริมสวย
ร้านจะปิดได้เมื่อลูกค้าหมด...ก็ราวๆ 2-3 ทุ่ม
กว่าแม่จะได้เข้านอน ปาเข้าไปเกือบเที่ยงคืน
แม่ทำงานแบบนี้โดยเคยบ่น ไม่เคยโอดครวญ
.
หมอจำ moment ที่ได้อ่านหนังสือกับแม่ไม่ได้เลย
หมอไม่เคยมี moment ว่าแม่สอนการบ้าน
หมอไม่เคยมี moment ว่าแม่จัดตารางสอนให้
ไม่ค่อยมีความทรงจำว่าแม่จ้ำจี้จำไชในการเรียน
.
แต่สิ่งที่ “ประทับ ติด ในใจ” ของหมอคือ
.
เรา เป็น คน ที่ แม่ ไว้ใจ
.
“จิตใจของเด็ก”ที่แม่ให้เกียรติ
แม่ให้อำนาจในการใช้ชีวิต
โดยมีกรอบของความดี
และมีแม่เป็นต้นแบบของขยันหมั่นเพียร
ความมุมานะพยายาม
มันมีความภูมิใจมากนะคะ
ยิ่งเวลาเห็นแม่ดีใจ...เวลาเราทำอะไรสำเร็จ
ยิ่งอยากพยายามทำความดียิ่งขึ้นๆ
.
แม่ทำให้เราสองคนพี่น้องรู้สึกเสมอคือ
เราเป็นทีมเดียวกัน
หากเรามีปัญหา เราก็แก้ไปด้วยกัน
.
ท่านอาจนึกภาพไม่ออก
ว่าเด็กคนหนึ่ง ป.2 (ตัวหมอตอนนั้น) และพี่ชาย ป.4
เราต้องซักรีดเสื้อผ้า และชุดนักเรียนเอง
ซักถุงเท้า ซักรองเท้าผ้าใบเอง
ช่วยแม่ หุงข้าว ล้างจาน บางวันที่แม่ไม่ว่างทำกับข้าว
สองคนพี่น้องก็ทำกับข้าวง่ายๆกินเองได้
วันเสาร์ อาทิตย์ ช่วยแม่ทำสวน และงานที่ร้าน
.
..และด้วยความเป็นเด็ก
แม้จะมีอะไรผิดพลาดไปบ้าง
เราก็ได้เรียนรู้ ผลของการกระทำของตัวเอง
เช่น เคยลืมซักถุงเท้าไปโรงเรียน
เรียนวิชาพุทศาสนา ต้องถอดรองเท้าไปนั่งในห้อง
ถุงเท้าเหม็น...เป็นที่รังเกียจของเพื่อนๆ
ก็ได้บทเรียนว่าต่อไปต้องซักถุงเท้า
.
ที่บ้าน ไม่ได้มีเงิน ซื้อหนังสือ
ซื้อของเล่นเสริมพัฒนาการ
ร้านเสริมสวย ก็จะรับหนังสือ หญิงไทย สกุลไทย
ให้ลูกค้าอ่าน
หมอก็ชอบอ่านนิทานที่อยู่ท้ายเล่ม...เรียกว่ารอคอยเลยค่ะ
พอรู้ว่าลูกชอบอ่านหนังสือ
แม่ก็ไปยืมนิทาน หนังสือเด็ก
จากห้องสมุดชุมชนมาให้
.
เพราะหมอได้ค้นพบว่า
#การอ่านทำให้เราได้พบกับสิ่งที่เราอาจจะไม่มีโอกาสได้พบได้เจอเลยในชีวิตของเรา
.
แต่ในโลกของการอ่าน
(หรือก็คือจินตนาการของเรานั่นแหละ)
เราสามารถเป็นเจ้าหญิง..เราเป็นผู้วิเศษ
เราได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ
เหมือนที่ตัวเอกในนิทานได้รับรู้
และการที่เราอ่านหนังสือ....เป็นความสนุกที่เกิดขึ้นภายในใจ
โดยที่เราไม่ต้องพึ่งพาคนอื่น...เพราะเราอ่านหนังสือได้เอง
ที่สำคัญ พออ่านหนังสือ แม่ก็ไม่ค่อยเรียกใช้งาน
(นี่เป็นความลับเลยค่ะ ความคิดแบบเด็กๆ
พออ่านหนังสือตั้งใจ แม่ก็ไม่เรียกใช้ เพราะแม่อยากให้ลูกเก่ง 555)
นั่นแหละค่ะ...หมอเป็นหนอนหนังสือเต็มตัวตั้งแต่ประถม
.
หมอโชคดีที่สุด..ที่แม่มีวิสัยทัศน์ในการให้การศึกษาลูก
.
แม้เราจะเป็นชนชั้นกลาง ค่อนไปทางยากจน
แต่แม่ต้องการให้ลูกมีการศึกษาที่ดีที่สุด
ตอนประถมศึกษา แม่เล็งเห็นว่า โรงเรียนประถมใกล้บ้าน
ครูที่สอน...ก็คือครูที่เคยสอนแม่ (เมื่อ 20 ปีก่อน)
ห้องเรียน สิ่งแวดล้อม ไม่ได้พัฒนาไปจากสมัยที่แม่เรียนเลย
แม่ก็กระเสือกกระสน...พาลูกไปฝากเข้าเรียน
โรงเรียนประถมชื่อดังในอำเภอเมือง
เพื่อให้ลูกได้สิ่งแวดล้อมในการเรียนที่ดีกว่า...ที่แม่เคยได้
คนรอบข้าง...มีแต่คนหัวเราะเยาะนะคะ
แค่โรงเรียนประถม
เป็นแม่หม้าย ฐานะไม่ได้ร่ำรวย
ทำไมต้องส่งลูกไปเรียนในเมืองให้สิ้นเปลือง
.
ทุกวันนี้ พิสูจน์แล้ว...ว่าแม่คิดถูก
เพราะเราอยู่ในประเทศ
ที่ยังไม่สามารถทำให้คุณภาพโรงเรียนเท่าเทียมกันได้
การเลือกโรงเรียนให้ลูก...
ก็คือ เลือกสิ่งแวดล้อม กว่า 6-8ชม./วันให้เด็ก
.
ตอนนั่งรถเมล์กลับบ้าน ใช้เวลาราวๆ 40 นาที เช้าเย็น
ก็นั่งอ่านหนังสือนอกเวลา ที่ยืมจากห้องสมุด
ไม่ได้ไปเรียนพิเศษ..เพราะเป็นเด็กต่างอำเภอ
ขืนเรียน รถเมล์หมด...อดกลับบ้านกันพอดี
โชคดีที่ประถมที่เรียน เป็นโรงเรียนเครือเทศบาล (จ.นครศรีธรรมราช)
โรงเรียนมีการจัดสอบแข่งขันระหว่างโรงเรียนในเครือ
เดือนละครั้ง ครูที่โรงเรียน ก็สอนแนวติวข้อสอบตลอด
ทำให้สอบเข้า ม.1โรงเรียนชื่อดังได้โดยไม่ต้องไปติวที่ไหนเพิ่ม
.
ตอนเรียนมัธยม
มีเพื่อนที่เรียนเก่ง ถือว่าเป็นที่ 1 ของชั้นประถมที่เคยเรียนด้วยกัน
ไปเรียนในโรงเรียนเดียวกัน
เพื่อนคนนั้น...ตอนประถม
ทั้งเรียนพิเศษ ทั้งขยันอ่านหนังสือเรียน
และพ่อแม่ก็คาดหวังมาก
.
ต่างกับหมอ..แม่ไว้ใจมาก (+แม่ไม่มีเวลา)
ไม่ค่อยได้ทบทวนหนังสือเรียน
ตอนประถม เรียนแบบชิวๆมาก
เอาเป็นว่า ไม่ทำให้แม่ผิดหวังเป็นพอ
คือ สอบเข้าโรงเรียนดีๆได้
ไม่ต้องให้แม่เสียเงินฝากเรียน
.
พอมัธยม
หมอก็ค้นพบว่า การเรียน แล้วตั้งเป้าหมาย
ช่างเป็นเรื่องที่สนุกมาก
และการอ่านหนังสือนอกเวลาตอนเด็กๆ
ไม่ใช่เรื่องเสียเปล่า
บางอย่างมันจุดประกายให้เราคิด
บางอย่าง เราได้เรียนรู้ ก่อนที่เราจะเรียนแล้วด้วยซ้ำ
ที่สำคัญ เราอ่านหนังสือ และจับประเด็นได้ดี
โดยไม่ต้องท่องจำ
.
นี่สินะ...อาวุธของการอ่าน
.
หมอเริ่มรู้ตัว...ว่าตัวเองค่อยๆเปล่งแสงมากขึ้นๆ
แต่เพื่อนคนเก่งสมัยประถม แสงค่อยๆมัวลงๆ
คนที่เราคิดว่าโดดเด่นมากๆ..ทำไมพอเรียนมัธยมแล้ว
เพื่อนกลับเรียนอ่อนกว่าเรามาก....
.
ตอนม.ปลาย โดยที่ไม่ทันสังเกต
ตัวเองก็ตีตื้นมาอยู่ในกลุ่มผู้นำของโรงเรียน
ตอนม.5 ม.6 เรียกว่า สอบแข่งขันที่ไหน
ถ้าเป็น ชีววิทยา เคมี ระดับภาค จะต้องได้รางวัล
มีเงินเก็บเป็นกอบเป็นกำ
โดยที่เราไม่ได้รู้สึกว่าการเรียนมันยากลำบาก
เพราะเป็นคนเข้าใจอะไรได้ง่าย
อ่านหนังสือแล้วจับใจความได้ดี
.
จนในที่สุด ก็สอบตรงเข้าคณะแพทย์ ได้แบบสบายๆ
คงไม่ต้องบอกว่าแม่ภูมิใจขนาดไหน
มันคุ้มกับ “ความไว้ใจ”ที่แม่มอบให้
.
เรื่องประสบการณ์ตรงของเด็กคนนี้
จะชี้ให้เพื่อนๆเห็น 3 ประเด็น
.
ประเด็นแรก
ตอนที่ลูกเป็นเด็ก...อย่าดูถูกศักยภาพของเค้า
ถ้าเรามั่นใจว่าเราเป็นต้นแบบแห่งความดีของลูกได้จริง
สอนด้วยปาก....ให้น้อยกว่าเป็นตัวอย่างให้ดู
เหมือนที่หมอ เห็นแม่เป็นฮีโร่เสมอ
แม่อดทน แม่พากเพียร
แม่เป็นคนมีวิสัยทัศน์ที่ดีมากเรื่องการศึกษา
แม่ไม่มีอุปกรณ์เสริมทักษะ เหมือนที่หมอใช้กับลูก
แต่แม่มีทักษะชีวิตจริงๆให้ลูกฝึก
การ “ไม่มี” บางทีมันก็คือ “มีมาก"
ตอนเด็กๆ...หมอไม่มีหนังสือให้อ่านมากนัก
แต่หมอเห็นคุณค่าของการอ่านมากๆ
ตอนเด็กๆ...หมอไม่ได้มีของเล่น...
แต่หมอมีงานบ้าน งานสวนที่ฝึกแล้วได้ทักษะอาชีพติดตัวด้วย
ประเด็นที่ 2
ไม่มีใคร สามารถบังคับใครให้ ”เรียน” ได้หรอก
กระบวนการเรียนรู้ (Learning) จนเกิดทักษะ (skill)
ขั้นตอน คือ การอ่านข้อมูล-->ประมวลผลว่าข้อมูลใดมีประโยชน์
-->เอาสิ่งที่รู้ไปปฏิบัติ ทำซ้ำ ก็จะเกิดเป็นความรู้ถาวร
เราเรียกว่า”ทักษะ”
.
ความรู้ที่เป็นความจำ เอาไปสอบแล้วทิ้งนั้น
เป็นสิ่งที่เปลืองเนื้อที่ของสมองจริงๆค่ะ
.
ในศตวรรษที่ 21 เด็กไม่ต้อง ”จำเรื่องที่ไม่จำเป็น” อีกต่อไป
เพราะแค่กดหาใน internet ข้อมูลก็อยู่ตรงหน้ามหาศาล
ถ้าจะเรียน ก็ต้องให้เค้าเรียนว่า “จะวิเคราะห์” ข้อมูล
(critical thinking)
และนำไปใช้เป็นประโยชน์ได้อย่างไรบ้าง
.
การบังคับให้ลูกอ่านหนังสือเรียน
เราบังคับเค้าได้แค่ขั้นแรก
คือบังคับให้ลูก”นั่งมอง” ตัวหนังสือ
กระบวนการต่อจากนั้น....เราบังคับไม่ได้เลย
.
เด็กที่ ติวเยอะๆๆ ไม่มีเวลาได้สำรวจตัวเอง
เรียนเหมือนเป็นหุ่นยนต์เรียน
ท้ายที่สุด...สมองก็จะเหนื่อยล้า
ได้รับแต่ข้อมูล แต่ขาดกระบวนการคิด
มีให้เห็นตั้งมากมายค่ะ
ก็นักเรียนที่หมอสอน...ซึ่งนักเรียนที่ยังไม่ค้นพบ
ว่าตัวเองมาเรียนเพื่ออะไร..ก็จะมีปัญหาในชั้นคลินิก
เพราะมันต้องแปลงความรู้ให้เกิดเป็น”ทักษะ”ให้ได้
.
ประเด็นที่ 3
การอ่าน
เทียบได้กับอาวุธ
ที่ลูก “ต้อง” มีติดตัว
ไม่ใช่เพื่อการแข่งขันกับคนอื่น
แต่เพื่อให้ลูกได้เป็นคนที่มีความคิดกว้างไกล
ต่อสู้กับข้อมูลที่จะถาโถมมาใส่เค้าในวันข้างหน้า
ซึ่งมีทั้งทางดี และไม่ดี
การอ่านหนังสือกับลูก
ก็คือการแชร์ความคิดกับลูกตั้งแต่เล็ก
เป็นการปลูกฝัง ให้ลูก คิดดี คิดชอบ
ต่อไปข้างหน้า ไม่ว่าข้อมูลที่มันหลุดนอกกรอบความคิดที่อยู่ในฝั่งดี
ก็จะทำร้ายเค้าไม่ได้
.
ศตวรรษที่ 21 ระบบการเรียนการสอนแบบเดิม
จะล่มสลาย แน่นอน ไม่ช้าก็เร็ว
แต่เด็กที่รักการอ่าน หมายถึง รักการเรียนรู้ รักการหาคำตอบ
จะเป็นผู้ที่ปรับตัว...และดำรงอยู่อย่างปกติสุขได้
.
ลองย้อนกลับไปอ่านข้างต้น
ตอนนี้ใครที่บอกว่าเลี้ยงลูกมันลำบาก?
ท่านเข้านอนเกือบเที่ยงคืน ตื่นตี 2 อยู่รึเปล่า
ท่านรับภาระเลี้ยงลูก 2 คน ด้วยตัวคนเดียว
กับวุฒิ ป.7 อยู่รึเปล่า
ถ้าใช่?
ท่านไม่ต้องกังวลว่าลูกจะล้มเหลวเพียงเพราะท่านไม่ได้มีเวลา
เล่นกับลูกเหมือนคนที่เค้าเพียบพร้อมทางการเงิน
แค่ให้ความรักแก่เค้า
เป็นตัวอย่างของความดี ความมุมานะ ให้ลูกเห็น
ลูกท่าน ไม่ว่าเค้าจะโตมาทำอาชีพอะไร
จะทำให้เค้ามีสัมมาอาชีพแน่นอน
ถ้าไม่ใช่?
แล้วจะมีอะไรที่ทำให้เราเลี้ยงลูกให้ดีไม่ได้ล่ะ?
ท่านมีแต้มต่อกว่าคนอีกตั้งมากมาย
.
อ่านมาถึงตรงนี้
ก็ขอขอบคุณที่ติดตามเพจนี้นะคะ
หมอไม่ใช่คนดีกรีสูง..หรือประสบความสำเร็จอะไรมากมาย
หมอเป็นอดีตเด็กที่ชีวิตไม่ได้พรั่งพร้อมเรื่องฐานะ
แต่หมอเป็นตัวอย่างที่ดี ของเด็กที่ถูกเลี้ยงดูมา
โดยได้รับความไว้วางใจจากแม่...
และหมอคิดว่า อาวุธที่ทำให้หมอ
สามารถมีชีวิตที่ดีขึ้นว่า generation พ่อแม่
คือ การอ่าน (อย่างเข้าใจ)
.
และที่สำคัญ ประสบการณ์ของหมอ
คงเป็นหนึ่งตัวอย่างที่ดี ที่ให้มากกว่าหมื่นบทความ
ที่จะบอกว่า การปลูกฝังให้ลูกรักการอ่าน ดียังไงนะคะ
หมอแพม
ขอขอบคุณสำหรับกำลังใจและการติดตามนะคะ
ใครอ่านมาถึงตรงนี้
แปลว่าท่านอ่านเกินค่าเฉลี่ยของคนไทยแล้วค่ะ ^-^
ทักษะ หมายถึง 在 แนะนำสื่อและกิจกรรม... ที่เป็นนวัตกรรม แบบฝึกหัดเสริมทักษะ 的推薦與評價
ลักษณา อินทะจักร (2538 : 161) ให้ความหมาย แบบฝึกเสริมทักษะว่า หมายถึง แบบฝึกที่ครูสร้างขึ้นโดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้อย่างแท้จริง ... <看更多>