กรณีศึกษา NSL เบื้องหลัง แซนวิช อบร้อนในเซเว่น กำลังจะ IPO
NSL X ลงทุนแมน
รู้หรือไม่ หนึ่งในเมนูอร่อยที่ขายดีใน 7-Eleven ก็คือ แซนวิชอบร้อน
เพราะใน 1 วัน 7-Eleven ต้องรับแซนวิชอบร้อนจากบริษัทหนึ่งมาขายถึง 2-3 แสนกว่าชิ้นต่อวัน
โดยบริษัทนั้นมีชื่อว่า เอ็นเอสแอล ฟู้ดส์ จำกัด (มหาชน) หรือเรียกสั้น ๆ ว่า NSL
ที่น่าสนใจคือ บริษัทผู้ผลิต แซนวิชอบร้อน ที่เรารับประทานกันเป็นประจำนั้น
กำลังจะเปลี่ยนสถานะจากบริษัท “จำกัด” มาเป็น “มหาชน”
เมื่อได้ยื่นหนังสือต่อ ก.ล.ต. เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก
จำนวน 75 ล้านหุ้น โดยใช้ชื่อย่อว่า “NSL”
แต่เรื่องที่หลายคนอาจยังไม่รู้ ก็คือบริษัทแห่งนี้ ยังมีธุรกิจอื่น ๆ
ที่ไม่ใช่แค่ผู้ผลิตแซนวิชอบร้อนอย่างที่เรารู้จักเพียงอย่างเดียว
แล้วบริษัทนี้ ทำธุรกิจอะไรบ้าง ?
มีจุดเริ่มต้น ที่น่าสนใจอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
รู้หรือไม่ว่า แต่เดิมนั้นบริษัทแห่งนี้ ไม่ได้ใช้ชื่อ เอ็นเอสแอล ฟู้ดส์ จำกัด (มหาชน)
แต่ใช้ชื่อว่าบริษัท โดเมคเกอร์ จำกัด ซึ่งเกิดจากคุณสมชาย อัศวปิยานนท์
ที่คร่ำหวอดในอุตสาหกรรมอาหารมานานกว่า 20 ปี
แน่นอนคุณสมชายเองก็ย่อมมีความฝันเหมือนอย่างทุกคน คืออยากจะมี “ธุรกิจเป็นของตัวเอง”
ทำให้ตอนนั้นเขาศึกษาว่าเทรนด์อาหารเมืองไทยในอนาคต คืออะไร
จนพบว่าในไต้หวัน ฮ่องกง อาหารแช่แข็งพร้อมทานได้รับความนิยมสูงมาก
เพราะสะดวกในการทานพร้อมกับเชื่อว่าอีกไม่นาน ปรากฏการณ์นี้ก็จะเกิดขึ้นในเมืองไทย
ก็เลยตัดสินใจลาออกจากการเป็นพนักงานบริษัท
เพื่อมาทำธุรกิจอาหารแช่แข็ง
แต่แล้วสิ่งที่คิดกับสิ่งที่ฝันได้เดินสวนกัน เพราะเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว
ธุรกิจอาหารแช่แข็ง ณ ตอนนั้น ถือเป็นเรื่องที่ใหม่ คนไทยยังไม่คุ้นชินกับเทรนด์การทานอาหารแนวนี้
พูดง่าย ๆ ก็คือ “เป็นธุรกิจที่มาเร็วก่อนเวลาอันควร”
สุดท้ายเขาเลยตัดสินใจขายธุรกิจอาหารแช่แข็งให้แก่บริษัทอื่นไป
อย่างไรก็ตามประตูแห่งโอกาสทางธุรกิจ ก็ไม่เคยปิดกั้น ให้แก่คนที่มีความพยายาม
เพราะในช่วงเวลาที่ทำธุรกิจอาหารแช่แข็ง คุณสมชายก็มีอีกหนึ่งธุรกิจเล็ก ๆ คือผลิตสินค้า “เบเกอรี่”
ทำให้เขาตัดสินใจลุยธุรกิจเดียวที่เหลืออยู่อย่างเต็มตัว
จากวิกฤติก็เปลี่ยนเป็นโอกาส เพราะในช่วงเวลานั้น
ร้านสะดวกซื้อในเมืองไทยกำลังขยายสาขาอย่างมากมาย
พร้อมกับเปลี่ยนโมเดลธุรกิจจากที่ขายสินค้าทั่วไป มาเน้นขายอาหารและเครื่องดื่มมากขึ้น
ทำให้เขามั่นใจว่าหากพัฒนาสินค้าเบเกอรี่ให้ได้มาตรฐานสูง
โอกาสที่สินค้าตัวเองจะเข้าไปวางขายใน 7-Eleven ทั่วประเทศมันคงไม่ใช่เรื่องยาก
และเขาก็ทำมันได้สำเร็จจริง ๆ เมื่อสามารถนำเบเกอรี่วางขายใน 7-Eleven
ที่น่าสนใจเขาไม่ได้ยึดติดแค่ต้องขายเบเกอรี่อย่างเดียว แต่ยังขยายไปธุรกิจอื่น ๆ
หนึ่งในนั้นก็คือ แซนวิชอบร้อน ที่แค่ฉีกซองใส่เครื่องอบก็อร่อยได้ทันที
ปรากฏว่าทั้งแซนวิชอบร้อน จนถึงเบเกอรี่ ขายดีเกินคาด จนผลิตไม่ทัน
ทำให้ในเวลาต่อมา คุณสมชายจึงได้จัดตั้งบริษัท NSL Foods เป็นโรงงานแห่งที่ 2 เพื่อเพิ่มกำลังการผลิต
พร้อมกับในปี พ.ศ. 2561 บริษัท NSL Foods ตัดสินใจรับโอนกิจการทั้งหมดของบริษัท โดเมคเกอร์ จำกัด
เป้าหมายก็เพื่อความคล่องตัวในการทำธุรกิจนั่นเอง
ใครจะคิดว่าจากในช่วงเริ่มต้นธุรกิจเบเกอรี่บริษัทแห่งนี้มีพนักงานแค่ 50-60 คน
ผลิตสินค้าแค่หลักพันกว่าชิ้นต่อวัน และมีรายได้ต่อปีแค่หลักสิบล้านบาท
วันนี้ NSL Foods มีพนักงานกว่า 1,700 คน มีกำลังการผลิตสินค้ามากกว่า 1.25 ล้านชิ้นต่อวัน
และมีสินค้าอยู่ในมือมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เบเกอรี่ อาหารรองท้อง ขนมขบเคี้ยว
สร้างรายได้ต่อปีกว่า 3 พันล้านบาท
โดยผลประกอบการของบริษัทในช่วงที่ผ่านมา
ปี 2561 รายได้รวม 3,137 ล้านบาท กำไรสุทธิ 79.2 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิ 2.5%
ปี 2562 รายได้รวม 3,373 ล้านบาท กำไรสุทธิ 156.3 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิ 4.6%
ปี 2563 รายได้รวม 2,927 ล้านบาท กำไรสุทธิ 151.4 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิ 5.2%
ส่วนสาเหตุที่ในปี 2563 บริษัทมีรายได้ลดน้อยลง สาเหตุมาจากการระบาดของโควิด 19 ส่งผลกระทบให้ยอดขายใน 7-Eleven ลดลง แต่กำไรสุทธิมีการเติบโตขึ้นเป็น 5.2%
อย่างไรก็ตามแม้โครงสร้างรายได้ของบริษัท NSL ธุรกิจเบเกอรี่และอาหารรองท้อง
จะคิดเป็น 94% ของรายได้บริษัท แต่ความน่าสนใจก็คือปัจจุบัน NSL ไม่ได้พึ่งพาธุรกิจนี้ 100% เหมือนอย่างในอดีต
แต่ยังมีธุรกิจ Food Services ที่ทางบริษัทได้เข้าซื้อกิจการบริษัท ควอลิตี้ฟู้ดสเปเชียลตี้ จำกัด
เมื่อช่วงปี 2562 และตอนนี้กำลังเติบโต อย่างน่าสนใจ
จากเดิมในปี 2562 มีสัดส่วนแค่ 2.5% จากรายได้ทั้งหมด ในปี 2563 ธุรกิจ Food Services มีสัดส่วน 4.5% จากรายได้ทั้งหมด
ส่วนธุรกิจ OEM ก็กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
ทั้งสินค้า Ready to Cook (สำหรับเชนร้านอาหาร) หรือ OEM สินค้าเบเกอรี่อย่างขนมปังโฮลวีท
ภายใต้แบรนด์เบเกอรี่อาริกาโตะที่จัดจำหน่ายในช่องทางท็อปส์ซูเปอร์มาร์เก็ต และแฟมิลี่มาร์ท
ส่วนเรื่องที่หลายคนอาจยังไม่รู้ก็คือ NSL กำลังมีนโยบายการผลิตอาหารอย่างยั่งยืน
หรือเรียกว่า Nutrition Sustainable for Life
เพราะ ณ วันนี้ต้องยอมรับว่าการระบาดของโควิด 19 ได้ทำให้การใช้ชีวิตประจำวัน, เศรษฐกิจ และพฤติกรรมการดูแลสุขภาพ เปลี่ยนไปอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ทำให้เวลานี้บริษัท กำลังศึกษาและลงทุนในเรื่องนี้อย่างจริงจัง
ถึงตรงนี้จะเห็นได้ว่า NSL ไม่ใช่บริษัทที่คิดพึ่งพาแค่ธุรกิจใดธุรกิจหนึ่ง
แต่เลือกจะมองหาโอกาสใหม่ ๆ ทางธุรกิจเพื่อเพิ่มรายได้ให้แก่ตัวเอง
ซึ่งการมีธุรกิจที่หลากหลาย ถือเป็นการกระจายความเสี่ยงที่ดี
โดยเงินที่ได้จากการ IPO ครั้งนี้ ทางบริษัทจะนำเงินส่วนหนึ่งไปขยายธุรกิจเดิมที่มีอยู่
จนถึงการไปสู่ธุรกิจใหม่ ๆ ที่มองเห็นโอกาสในการเติบโต
ส่วนเงินอีกส่วนหนึ่ง จะนำไปชำระหนี้สถาบันการเงิน
ก็ต้องบอกว่า การเติบโตของ NSL เป็นอะไรที่เกินคาด
เพราะใครจะคิดว่า จากบริษัทเล็ก ๆ ที่เผชิญกับมรสุมทางธุรกิจมาหลายต่อหลายครั้ง
ปัจจุบันสามารถเติบโตเตรียมก้าวสู่การเป็นบริษัทมหาชน
และเป็นบริษัทที่มีรายได้และกำไรอย่างมั่นคง
ที่น่าสนใจคือ NSL ไม่ได้ยึดติดดำเนินธุรกิจด้วยแนวคิดเดิม ๆ
แต่ยังมองหาโอกาสใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นตลอดเวลา
ที่สำคัญการมีผู้นำอย่าง คุณสมชาย ที่แก้ปัญหาได้ทุกครั้งในยามที่บริษัทต้องเผชิญกับวิกฤติ
ซึ่งคุณสมบัติทั้ง 2 อย่างนี้ ถือเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างองค์กรให้ยั่งยืน
#nslfoods #หุ้นไอพีโอ #NutritionSustainableforLife #โภชนาการที่ยั่งยืนของชีวิต
คำเตือน: การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน
Reference
-ข้อมูลสรุป (Executive Summary) บริษัท เอ็นเอสแอล ฟู้ดส์ จำกัด (มหาชน)
Search
ธุรกิจอาหารแช่แข็ง 在 ธุรกิจอาหารสดแช่แข็ง | Samut Sakhon - Facebook 的推薦與評價
ธุรกิจอาหาร สดแช่แข็ง. 17h. ขายไม่ดีรับซื้อคืน รับตัวแทนจำหน่าย กะทิทุเรียนหมอนทอง อร่อย หวานหอม เนื้อทุเรียนหมอนทอง 100% การันตี ขายดี กำไรดี คืนทุนเร็ว ... <看更多>