1ปีที่เค้าบอกกับผมว่าจะเอา1ล้านแรกให้ได้
วันนี้นนท์@ฐิติณัชช์ สุชาคำ
เค้ามาไกลกว่าที่คิด
เรียกมาlive ซะเลยดีไหม?
(วันนี้ผมเขียนยาวววววว หน่อยนะครับ
ใครขี้เกียจอ่านก็เลื่อนผ่านไปได้เลย 😊 )
ตอนผมเป็นเด็ก
ในช่วงเวลาเปิดเทอม
ผมอยากให้เวลามันผ่านไปไว ๆ
เพื่อที่ผมจะเจอกับช่วง "ปิดเทอมใหญ่"
ผมจะได้ไม่ต้องเรียนหนังสือ
ได้เที่ยวเล่นกับเพื่อน ตามประสาเด็ก ๆ
มันช่างเป็นช่วงเวลาที่แสนวิเศษ
ซึ่งผมว่าใครหลาย ๆ คน
ก็คงชอบช่วงเวลาปิดเทอมแบบผมเช่นกัน
และแน่นอนช่วงเวลาที่ผมเกลียดที่สุด
คงจะหนีไม่พ้น ช่วง "เปิดเทอม"
ที่ต้องไปโรงเรียน
เจอการบ้านแสนจะที่น่าเบื่อ
แถมยังโดนครูตีบ่อยๆ อีกต่างหาก
แต่ในตอนนี้ความรู้สึกของผม
กับช่วงเวลา 1 ปี ของตอนเด็ก ๆ
มันช่างแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
วันที่ 18 สิงหาคม 2559
ผมได้เริ่มสร้างแบรนด์ markincrepe
ซึ่งก็คือวันนี้เมื่อ 1 ปีก่อน
ผมเริ่มสร้างแบรนด์ markincrepe
ไม่ใช่เพราะผมชอบกินเครปนะครับ
แต่เป็นเพราะ
ผมอยากทำแฟรนไชส์เครป
และต้องการพิชิต 1 ล้านแรกให้ได้ภายใน 1 ปี
โดยใช้ markincrepe เป็นยานพาหนะ
ในการพิชิตเป้าผมายแรกของผม
นี่คือสิ่งที่ผม
"ตั้งเป้าหมายไว้"
ในวันแรกที่เริ่มขายเครป
บอกตรงๆ
ตอนนั้นยังหมุนแป้งไม่คล่องเลย
ยังไม่ได้ใช้เครื่องหมุนเครปเหมือนทุกวันนี้
ใช้ไม้หมุนแบบสมัยก่อน
ตอนนั้นคิดว่า
มันต้องหมุนแบบนี้สิวะ
ถึงจะคลาสสิก
แต่เครปที่ทำออกมาแต่ละแผ่น
ถือได้ว่าเป็น limited edition ก็ว่าได้
มันทั้งขาด ทั้งแหว่ง
และหกออกนอกเตาเต็มไปหมด
ทำ 10 แผ่น ก็ไม่เท่ากันทั้ง 10 แผ่น
ทำไปก็ลุ้นไป ทั้งคนขาย ทั้งลูกค้าที่มาซื้อ
คิดในใจว่าวันนี้ขายได้ 20 - 30 แผ่น
ก็หรูแล้วสำหรับวันแรก
แต่ปรากฏว่าลูกค้าขี่รถผ่านหน้าร้านไป
แล้วก็วนกลับมาซื้อเรื่อย ๆ
จนผมพูดลอย ๆ ว่า
"ถ้าวันนี้ขายได้ 100 แผ่น จะหยุดกินเหล้า 1 เดือน"
ซึ่งปกติผมเป็นนักดื่มตัวยง
ตั้งวงกินเหล้ากับเพื่อนแทบทุกวัน
พอปิดร้านเสร็จ
จำได้ว่า
นั่งนับยอดขาย
ปรากฏว่า ผมขายได้เกิน 100 แผ่น
แม่เลยบอกว่า
มึงต้องมีสัจจะนะ
บอกจะหยุดก็ต้องหยุด
ตอนนั้นคิดในใจว่า
"เชี่ยแล้วไง ไอนนท์ มึงต้องหยุดกินเหล้าแล้ว"
ผมจึงหยุดกินเหล้า 1 เดือนเต็ม
และเอาเวลามาลุยกับ markincrepe อย่างเต็มที่
ข้อดีของการที่ผมหยุดกินเหล้าก็คือ
ผมมีเวลามานั่งลุยงานได้อย่างเต็มที่
นั่งคิดว่าจะพัฒนารูปแบบร้านยังไง
ให้ตรงกับใจของลูกค้า
และออกมาในรูปแบบที่ผมชอบด้วย
แล้วลูกค้าจะชอบอะไร
ทำไมลูกค้าถึงต้อง "มากินเครป" ที่ร้านของเรา
พอคิดอะไรได้ก็ไม่รอช้า
ผมรีบ "ลงมือทำ" ทันที
เพราะก่อนหน้านี้ผมเป็นคนที่คิดเยอะ
แต่ "ไม่เคย" ได้
"ลงมือทำ" อย่างที่คิดซักที
มัวแต่รอให้ตัวเองพร้อม
ซึ่งจริง ๆ แล้ว
มันไม่มีหรอกครับ
ไอ้คำว่า "พร้อม 100%"
มีแต่ "ทำ" กับ "ไม่ทำ"
ผมกับน้องเหมี่ยวช่วยกันคิด ช่วยกันทำ
น้องเหมี่ยวไปพัฒนาสูตรแป้ง เพิ่มโน่น ลดนี่
ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เราเข้าร้านเบเกอรี่ทุก ๆ วัน
ส่วนตัวผมเองก็มาหัดทำงานไม้
ไปขอยืมอุปกรณ์ และเครื่องมือช่างจากป้าของผม
เพราะผมไม่มีต้นทุนพอที่จะไปจ้างช่างทำร้านสวย ๆ
ตอนนั้นผมมีเงินเหลือในบัญชีประมาณ 20,000
มีหนี้ที่ติดอากู๋จากการทำธุรกิจเก่า อีกประมาณ 35,000
แต่ที่หนักกว่านั้น
คือผมมีหนี้ที่เพื่อนให้เงินไปลงทุนอีกประมาณ 480,000
(ตอนแรกเพื่อนจะให้ผมยืม 1.5 ล้าน ถ้าผมบ้าจี้ยืมเงินเพื่อนไปตอนนั้น ผมคงเป็นหนี้หัวโตกว่านี้ 5555)
และผมก็โคตรโชคดีที่เพื่อนคนนี้
ไม่เคยทวงเงินผมสักครั้ง
และไม่เคยคิดดอกเบี้ยผมสักบาท
(กูขอบคุณมึงมาก ๆ นะเพื่อน)
กลับมาที่ร้าน "มากินเครป"
ช่วงที่ขายแรก ๆ สูตรมันยังไม่ลงตัว
แป้งก็ไม่สวย ไม่เรียบเนียน
และเป็นความโชคดีของผม
ที่ลูกค้าที่ "มากินเครป" ที่ร้าน
เคยขายเครปมาก่อน
พี่เขาก็แนะนำวิธีที่ทำให้แป้งไม่เป็นรูให้
ผมก็ลองเอามาปรับใช้
เห้ยยย!!!!
มันได้ผลวะ
แป้งไม่เป็นรูแล้ว
แต่ก็ยังเจอปัญหาแป้งไม่กรอบอยู่ดี
ซึ่งตอนนั้นพี่หนิงเจ้าของร้านอาหาร 3 บ้าน 8 บ้าน
ชวนผมไปทำบุญแจกเครปให้เด็ก ๆ
ที่มูลนิธิเด็กบ้านทานตะวันพุทธมณฑลสาย4
พี่หนิงบอกว่าพี่ก็เคยขายเครปมาก่อน
แถมพี่หนิงยังบอกสูตรแป้ง
แล้วยังแนะนำวิธีทำให้แป้งกรอบให้อีกด้วย
น้องเหมี่ยวก็รีบกลับมาปรับปรุงสูตร
เพิ่มโน่น ลดนี่ อีกตามเคย
ใช้เวลาประมาณ 2 เดือน
กว่าสูตรจะคงที่
และออกมาเป็นแป้ง 4 รสชาติ
เหมือนในปัจจุบัน
(ขอบคุณพี่หนิงมาก ๆ นะครับ ที่ช่วยแนะนำสิ่งดีๆ ให้ผมกับน้องเหมี่ยว)
ต่อมาน้องแอ้มกับน้องบิว
น้องที่อยู่ทีมเดียวกันที่นูสกิน
ก็สนใจมาขอซื้อแฟรนไชส์มากินเครปไปเปิดที่ม.เกษตรบางเขน
ถือได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของแฟรนไชส์มากินเครปเลยก็ว่าได้
เพราะพอน้อง ๆ ทั้งสองคน
นำร้าน "มากินเครป"
ไปขายที่ม.เกษตร
ก็ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี
มีทั้งรีวิวดี ๆ จากเพจต่าง ๆ มาลงรีวิวให้
แถมยังได้ออกรายการ
"คุยโขมงบ่าย 3 โมง" ทางช่อง 9 อีกด้วย
(ขอบคุณบิวกับแอ้มมาก ๆ นะครับ ที่เป็นส่วนนึง ที่ทำให้เรามีวันนี้)
หลังจากได้ออกรายการ "คุยโขมงบ่าย 3 โมง"
แบรนด์ "มากินเครป" ของผมกับน้องเหมี่ยว
ก็เป็นที่รู้จักของลูกค้ากันมากขึ้น
มีคนสนใจแฟรนไชส์ของเราทั้งคู่มากขึ้น
ตอนนั้นเราเริ่มขยายสาขาได้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
แต่ในชีวิตจริง ทุก ๆ อย่างมันไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบไปทุกอย่างหรอกครับ
เราเจอปัญหาต่าง ๆ มากมายไม่เว้นแต่ละวัน
เพราะตัวผมเองไม่ได้มีพื้นฐานในการทำธุรกิจเลย
เรียกได้ว่าเป็น
"เด็กข้างถนน ที่หัดทำธุรกิจ" ก็ว่าได้
ที่ผมบอกว่าผมเป็น
"เด็กข้างถนน ที่หัดทำธุรกิจ"
เพราะเป็นเด็กสเก็ต
ผม "รัก" กีฬาสเก็ตบอร์ด
ถ้าสังเกตุดี ๆ จะมีแผ่นสเก็ตบอร์ดอยู่ในโลโกร้านด้วย
แต่ลูกค้ามักเข้าใจผิดว่ามันคือ "พลาสเตอร์ยา"
และที่ผมเอาแผ่นสเก็ตใส่ไว้ในโลโก้
เพราะผมมี "ความสุข" ทุกครั้งที่ได่นั่งมองมัน
ถึงแม้ตัวผมเองจะไม่ได้มีเวลาเล่นก็ตาม
ผมคิดว่า
ผมคงมีความสุขมากๆ
ถ้าผมเห็นสิ่งที่ผมรัก
มันกระจายไปทั้วประเทศไทย
ค่อย ๆ เจริญเติบโตไปพร้อม ๆ กับผม
มันคงเหมือนกับการที่เราปลูกต้นไม้สักต้น
แล้วต้นไม้นั้นค่อย ๆ แล้วแผ่กิ่งก้านสาขา
ไปช่วยเหลือผู้คน ให้เขามี "ร่มเงา"
ให้เขามีชีวิต "ที่ดีขึ้น"
จากสิ่งที่เราตั้งใจทำได้
สิ่งที่ผมได้เรียนรู้
ในระยะเวลา 365 วัน ที่ผ่านมา
ผมได้เรียนรู้อะไหรหลาย ๆ อย่าง คือ
1. อย่ารอให้ตัวเองพร้อมในสิ่งที่คิดจะทำ เพราะมันไม่มีคำว่า "พร้อม 100%"
2. รีบ "ลงมือทำ" เพราะถ้าเราไม่ทำ มันจะไม่เกิดผลลัพธ์ใด ๆ ทั้งสิ้น
(เหมือนกับเราเหนี่ยวไกปืนไว้ แต่ไม่เคยได้ยิง เราจะรู้ได้ยังไง ว่าเรายิงพลาดตรงไหน นอกจากเราจะได้ยิง!!!)
3. เมื่อใดก็ตามที่เจอปัญหา อย่าย่อท้อ ต่อปัญหาที่เราได้พบเจอ เพราะถ้าเราสามารถแก้ไขปัญหานั้นได้ แปลว่าเราจะแข็งแกร่งขึ้น
คนเรามี 2 ประเภท คือ
1. คนที่วิ่งหนีปัญหา พอเจอปัญหา ก็ท้อแท้ แล้วหนีปัญหาทันที อ้างโน่น นี่ นั่น สารพัด
ผมเคยเป็นคนประเภทนั้นมาแล้ว แล้วปรากฏว่า มันไม่ได้ช่วยให้ชีวิตผมดีขึ้นเลย กลับแย่ลงด้วยซ้ำ
2. คนที่เจอปัญหา และค่อย ๆ ย่อยปัญหา แก้ไปทีละนิด ๆ จนปัญหานั้นค่อย ๆ หมดไป
(ซึ่งผมกำลังหัดให้ตัวเองเป็นคนประเภทที่ 2 อยู่ครับ)
4. คนเรามีเกิดมาไม่เทียมกัน บางคนเกิดมามีพร้อมทุกสิ่งทุกอย่าง บางคนเกิดมาขัดสนในสิ่งทุกอย่าง
แต่สิ่งที่เราที่เรามีทุกอย่างเท่าเทียมกัน นั่นคือ "เวลา"
ทุกคนมีเวลา 24 ชั่วโมงเท่ากัน
นั่นแปลว่า เราสามารถ "เลือก" ได้
ว่าเราจะเอาเวลาที่ "มีค่า" ในชีวิต ไปใช้กับอะไร
5. อย่าให้ใครก็แล้วแต่มาบอกคุณว่า "คุณทำไม่ได้"
ถึงคน ๆนั้น จะเป็น "พ่อ หรือ แม่" ของคุณก็ตาม
ผมเคยดูหนังเรื่องนึง ที่ "Will Smith" แสดง
ชื่อเรื่องว่า "The Pursuit of Happyness"
มีประโยคนึงตราตรึงใจผมมาก เขาพูดว่า
"อย่าให้ใครมาบอกลูกว่าลูกทำอะไรไม่ได้ แม้แต่ตัวพ่อเอง"
ตอนผมทำเครปใหม่ ๆ แม่เคยถามว่ามันจะไปรอดไหม
ผมก็พูดกับแม่ว่า
"แม่ดูละกัน ว่านนท์จะทำให้คนในนครปฐมรู้จักร้านของเรา และต้อง "มากินเครป" ที่ร้านของเราให้ได้
อาจเป็นเพราะสันดานผมเป็นคนดื้นรั้นและชอบเอาชนะ
แต่มันก็เป็นสิ่งที่ผมพิสูจน์ได้ว่า
"ถ้าเราตั้งใจทำอะไรซักอย่าง ไม่มีอะไรที่เราทำไม่ได้ นอกจากเราไม่ลงมือทำมันเท่านั้นเอง"
6. หากคุณอยู่ในกลุ่มคนที่คิดว่าสิ่งที่คุณทำมัน "เพ้อเจ้อ"
หรือเขาไม่เข้าใจในสิ่งที่คุณทำ
คุณก็แค่เดินออกมาจากคนกลุ่มนั้น
แล้วพาตัวเองไปอยู่กับกลุ่มคนที่มีเป้าหมายเหมือนคุณ
สนับสนุนคุณ ผลักดันคุณ
ให้คุณบรรลุเป้าหมายได้
มันง่ายกว่าการที่คุณจะไปนั่งอธิบาย
ให้ใครเข้าใจในสิ่งที่คุณทำ
7. อย่าทำตัวเป็น "น้ำเต็มแก้ว"
แต่ควรรับฟังให้มากเข้าไว้
ผม "เรียนรู้" จากคนที่ประสบความสำเร็จ
ถึงแม้ว่าเขาเหล่านั้นจะ "อายุน้อย" กว่าผม
แต่ผมก็ชอบเรียนรู้จากคนเหล่านั้น
และผมก็เอามาประยุกต์ใช้
จนเกิดพลลัพธ์จนถึงทุกวันนี้
8. "อย่าลดขนาดของความฝัน แต่จงเพิ่มความพยายาม"
ดีที่สุดของแต่ละคนไม่เท่ากัน
เราเท่านั้นที่ตอบได้ ว่าเรา "พยายาม" มากพอหรือยัง
9. คนทุกคนมีพรสวรรค์
แต่ถ้าหากใช้แต่พรสวรรค์ ไม่ใช้พรแสวง
วันนึงเราก็จะโดนคนที่ใช้พรแสวงแซงเอาได้
เพราะฉะนั้น อย่าหยุดที่จะเรียนรู้
10. ไม่ว่าเราจะเจอปัญหาใด ๆ ก็ตาม
อย่าปล่อยให้สติหลุด
แต่จงตั้งสติให้มั่น
และใช้ปัญญาแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่ผ่านเข้ามา
11. เมื่อเราเริ่มประสบความสำเร็จ
อย่าเก็บความสำเร็จไว้คนเดียว
จงแบ่งปันสิ่งดี ๆ ให้กับสังคม และคนรอบข้าง
เพราะผมพบว่า ความสุขที่แท้จริง
ไม่ใช่เพียงแค่การหาเงินเท่านั้น
แต่มันคือการสร้างคุณค่าให้แก่ผู้อื่นด้วย
1 ปี ที่ผ่านมา
ผมใช้เวลา 8 เดือน
เพื่อบรรลุเป้าหมายแรก
เป้าหมายปีนี้ของผม
คือขยายให้ได้ 20 สาขา
ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2560
ซึ่งตอนนี้มี 11 สาขาแล้ว
สิ่งที่ผมเจอมาตลอดระยะเวลา 1 ปี
มันทำให้ผมเชื่อว่า
"คนเราทุกคน สามารถเป็นคนที่ดีขึ้นได้ เพียงแค่เรา ตัดสินใจ และ ลงมือทำ อย่างจริงจัง"
ชีวิตเราก็จะค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น
ขอเป็นกำลังใจให้ทุก ๆ คนที่อยากเริ่มธุรกิจนะครับ
ผมเองล้มเหลวมาหลาย ๆ ครั้งในชีวิต
แต่ผมไม่เคยล้มเลิกในสิ่งที่ตั้งใจทำ
ทุกครั้งที่เราล้ม อย่าเพิ่งรีบลุกขึ้นมานะครับ
ให้มองดูรอบ ๆ ตัวเราก่อน
ว่ามีของมีค่าอะไรหล่นอยู่ไหม
แล้วรีบเก็บของมีค่านั้นมาติดตัวไว้
เราจะได้ไม่ล้มฟรี ๆ
เพราะทุก ๆ ครั้งที่เราเจอกับความล้มเหลว
มันจะมีบทเรียนสำคัญซ่อนอยู่ในนั้น
บางที มันอาจเป็นกุญแจดอกสำคัญ
ที่จะพาเราไปสู่ "ความสำเร็จ"
ขอขอบพระคุณคุณลูกค้าทุก ๆ ท่านที่ทำให้ผมมีวันนี้
ขอบคุณเจล ปั๊ม พี่เอเท็น ที่คอยให้คำแนะนำที่ดีเสมอมา
ขอบคุณเพื่อน อ. ที่คอยเป็นที่ปรึกษาให้เสมอ ๆ
ขอบคุณแม่ตุ๊กที่คอยสนับสนุนผมกับเหมี่ยว
ขอบคุณน้องเหมี่ยวที่ฝ่าฟันอุปสรรคร่วมกันมา
ขอบคุณคนที่เอาผมไปด่าลับหลัง เพราะคุณเป็นแรงผลักดันให้ผมลุกขึ้นสู้ ในทุกๆ วันที่ลืมตา
ขอบคุณตัวเอง ที่ไม่ล้มเลิก และพยามยามแก้ไขสันดานเลว ๆ ให้มันค่อย ๆ ดีขึ้น
ขอบคุณทุก ๆ ท่านที่ตามอ่านกันมาครับ
Forward happiness
Forward Markincrepe
同時也有1部Youtube影片,追蹤數超過197萬的網紅PetchOnPlays,也在其Youtube影片中提到,แม่คือคนที่จะทำให้เรารู้สึกดีที่สุดเมื่อมีอุบัติเหตุ แต่หากเราไม่ระวังอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา #น้ำเพชร และพี่จิ๊บ เลือกที่จะช่วยเหลือกันในเวลาท...
「พลาสเตอร์ยา」的推薦目錄:
- 關於พลาสเตอร์ยา 在 Aten Arnon: เอเท็น อานนท์ Prince of Marketing Facebook 的最佳解答
- 關於พลาสเตอร์ยา 在 หม่อมถนัดแดก Facebook 的最讚貼文
- 關於พลาสเตอร์ยา 在 TravelKanuman / คา นู แมน 2เท้าชาวท่องโลก Facebook 的最佳解答
- 關於พลาสเตอร์ยา 在 PetchOnPlays Youtube 的最讚貼文
- 關於พลาสเตอร์ยา 在 สุขภาพดีไม่มีในขวด - พลาสเตอร์ยาหรือ Bandage คืออุปกรณ์ ... 的評價
- 關於พลาสเตอร์ยา 在 รู้งี้ทำนานแล้ว! เทคนิคติด 'พลาสเตอร์ยา' ฉบับญี่ปุ่น - YouTube 的評價
พลาสเตอร์ยา 在 หม่อมถนัดแดก Facebook 的最讚貼文
รายการของบริจาค
โครงการถนัดแดกกระดานดำครั้งที่ 1
1. พลาสเตอร์ยา 2 กล่อง
2. ยาขับลมในกระเพาะ. 6 ขวด
3. แอนตาซิน. 29 แผง...
Continue Reading
พลาสเตอร์ยา 在 TravelKanuman / คา นู แมน 2เท้าชาวท่องโลก Facebook 的最佳解答
"คนทั่วไปพัฒนาตัวเองด้วยการเข้าคอร์สหรืออ่านหนังสือ
นักเดินทางพัฒนาตัวเองด้วยการทำสิ่งที่ท้าทายที่แตกต่างจากชีวิตประจำวัน "
วันนี้เราอยู่ที่ Bled Lake :Slovenia ค่ะ ที่นี่คือเมืองแห่งกิจกรรมadvanture และ campingต่างๆสำหรับคนรักการถ่ายภาพตามสไตล์เพจ 2เท้าฯกิจกรรม ที่เหมาะที่สุด คือการTrekking เราจะไต่ขึ้นที่สูงเพื่อมุมสวยที่สุด ที่มองลงมาเห็น Bled Island ซึ่งเป็น1ในมรดกโลก ที่งดงามทางธรรมชาติ อีกแห่งค่ะ
วันนี้เรามีเคล็ดแนะนำการเตรียมตัว 5 ข้อก่อนTrekking
1.ศึกษาเส้นทางจากแผนที่(update) คนท้องถิ่นหรือ จนท.ของสถานที่นั้นๆ
2.เสื้อผ้าที่สวมควรกระชับและยืดหยุ่นได้เพื่อความทะมัดทะแมงในการปีนป่าย
3.รองเท้าควรเป็นปิดครอบคลุม พื้นรองเท้าแบบกันลื่น สำหรับปีนเขา (ถ้าเป็นไปได้)เป้สะพายหลังขนาดพอดีมีสายรัดกระชับตัวเรียบร้อย
4.เตรียมความพร้อมของร่างกาย พักผ่อนเต็มที่1วันก่อนปีน ทานอาหารประเภทให้พลังงานสูง เช่น โปรตีนจากเนื้อสัตว์และผักต่างๆ
5.นำสิ่งของจำเป็นไว้ในกระเป๋าเช่น ไฟฉาย น้ำดื่มประมาณ 1ลิตร พลาสเตอร์ยา ลูกอมให้ความหวาน อาหารเบาๆเช่น บาร์ธัญพืช โทรศัพท์มืถือในเคสที่เกิดเหตุฉุกเฉินแม้ไม่มีสัญญาณก็ยังหาตัวเราจากGPS
ที่โทรศัพท์ได้
6.เช็คสภาพอากาศและคำนวณเวลาขึ้นลงให้ชัดเจนไม่ควรลงเขาหลังจากฟ้าเริ่มมืด เตรียมพร้อมก็ไปลุยเก็บประสบการณ์ ท้าทายใหม่ๆ ในการพัฒนาศักยภาพตัวเรากันได้เลยค่ะ
Remark : จากเคสที่เกิดกับต้าและนุที่ถ่ายในคลิปนี้เราอยากแชร์ เพื่อการเตือนทุกๆคนว่า เช็ครายละเอียดข้อมูลให้ดี เรื่องเส้นทางเขามีปิดปรับปรุงไหม เนื่องจากเราปีนเขาขึ้นไปถ่ายจุดสูงสุด ของBled Island เพลินกับวิวสวยๆจนถึงตอนจะลง เดินไต่ลงมาระยะหนึ่ง มีป้ายเป็นภาษาSloveniaว่าปิดและประโยคยาวๆต่อซึ่งเราไม่เข้าใจว่า
หมายถึงอะไร แต่มีโซ่คล้อง แต่ตอนนั้นรอบข้าง ไม่มีใครให้ถาม เพราะเราอยู่จนคนอื่นกลับลงหมดแล้วกว่าจะรู้ก็กลับหลังไม่ได้แล้วค่ะ ตอนนั้นคือ 19:00เรามีเวลา1.30ชม.ไต่ลงมาให้ทันก่อนอาทิตย์ตกดิน เราต้องเก็บทุกอย่างและปีนกับไถลตัวลงมาเรื่อยๆด้วยมือเปล่าซึ่งอันตราย
มาก**ไม่ขอแนะนำให้ทำนะคะ ครั้งนี้เป็นความประมาทของเราเองค่ะ ** จึงอยากแชร์ให้เป็นอุทาหรณ์เตือนใจนักเดินทางทุกคนค่ะ
พลาสเตอร์ยา 在 PetchOnPlays Youtube 的最讚貼文
แม่คือคนที่จะทำให้เรารู้สึกดีที่สุดเมื่อมีอุบัติเหตุ แต่หากเราไม่ระวังอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา #น้ำเพชร และพี่จิ๊บ เลือกที่จะช่วยเหลือกันในเวลาที่เราไม่ได้อยู่กับพ่อและแม่
ติดตามเพิ่มเติมได้ที่...
FACEBOOK : https://www.facebook.com/PetchOnPlays
INSTAGRAM : https://www.instagram.com/petchonplays/
????????????????????
ติดต่องานได้ที่
E-mail : Petchofficial@gmail.com
#Nampetch #PetchOnPlays
พลาสเตอร์ยา 在 รู้งี้ทำนานแล้ว! เทคนิคติด 'พลาสเตอร์ยา' ฉบับญี่ปุ่น - YouTube 的推薦與評價
เทคนิคดีๆเกี่ยวกับการติดพลาสเตอร์ยา ☝ เมื่อถ้าพันพลาสเตอร์รอบนิ้วแบบปกติ ตอนแกะออกจะเหนียวลองวิธีนี้สิ ✨• ตัดปลายพลาสเตอร์ทั้ง 2 ด้าน• ... ... <看更多>
พลาสเตอร์ยา 在 สุขภาพดีไม่มีในขวด - พลาสเตอร์ยาหรือ Bandage คืออุปกรณ์ ... 的推薦與評價
พลาสเตอร์ยา หรือ Bandage คืออุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ใช้ในการปิดแผลเพื่อป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรีย หรือป้องกันสิ่งสกปรกเข้าสู่แผล... ... <看更多>