เมื่อวาน แชร์แถลงการณ์ของราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย เรื่องแนวทางในการฉีดวัคซีนโรคโควิด-19 ให้กับเด็ก ที่แนะนำให้ฉีดวัคซีนให้เด็กอายุตั้งแต่ 16 ถึง 18 ปี "ทุกคน" (ด้วยวัคซีนที่ผ่านการรับรองจาก อย. แล้วตอนนี้ คือของ บ. ไฟเซอร์ ) , ส่วนเด็กอายุ 12 ถึง 16 ปีนั้น ให้ฉีดเฉพาะกลุ่มที่มีความเสี่ยงสุขภาพสูง , ส่วนกลุ่มที่สุขภาพแข็งแรงดี และกลุ่มที่อายุน้อยกว่า 12 ปีนั้น ให้รอผลการศึกษาวิจัยก่อน (ดู https://www.facebook.com/100003619303769/posts/2270816689715619/?app=fbl)
วันนี้ก็มีข้อมูลจากคุณหมอสมศักดิ์ (ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์ สมศักดิ์ โล่ห์เลขา) ประธานราชวิทยาลัยฯ มาเพิ่มเติม ขอเอามาสรุปให้ฟังกันนะครับ
- จำนวนเด็กที่ป่วยจากโควิด มี 1.4 แสนคน (14% ของผู้ติดเชื้อ) โดยติดเชื้อจากที่บ้าน เพราะโรงเรียนยังไม่ได้เปิด
-แต่เด็กที่ป่วยแล้วเสียชีวิต มีเพียง 20 คน เป็นเด็กที่มีโรคประจำตัวมาก่อนแล้ว
- โดยกลุ่มเด็กที่ติดเชื้อสูงสุดคือ 12-18 ปี (38%) รองลงมาคือ 6-12 ปี (32%) และ ต่ำกว่า 6 ปี (5%)
- เด็กที่อายุ 6-12 ปี ยังไม่พบการเสียชีวิต และที่เด็กเสียชีวิตน้อยกว่าผู้ใหญ่ เพราะมีภูมิคุ้มกันต่อสู้กับเชื้อโควิด ดีกว่าผู้ใหญ่
- ที่เด็ก ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนเพราะไม่มีวัคซีนสำหรับเด็ก
- การฉีดวัคซีนให้เด็ก ต้องรอบคอบ เด็กไม่ใช่ "ผู้ใหญ่ตัวเล็ก" ที่จะบอกว่าผู้ใหญ่ฉีดได้ เด็กก็ฉีดได้เหมือนกัน เพราะการตอบสนองและภูมิคุ้มกันไม่เหมือนกัน
- ในอนาคต น่าจะมีวัคซีนที่ปลอดภัย แต่ตอนนี้ยังเป็นแค่การใช้ฉุกเฉิน (อาจมีวัคซีนที่ปลอดภัยกว่าปัจจุบัน ออกมาต้นปีหน้านี้)
- วัคซีนที่ขึ้นทะเบียนใช้กับเด็กได้มีตัวเดียว คือ ไฟเซอร์ สำหรับอายุ 12 ปี ขึ้นไป
- อเมริกา ทดสอบฉีดไป 3 พันคนไม่มีปัญหา แต่พอฉีดเป็นแสนคน พบกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบหลายคน ทำให้ไทยเราต้องรอก่อน
- ไทยเริ่มฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้เด็กอายุเกิน 12 ปี กลุ่มเสี่ยงก่อน เช่น เด็กที่มีอาการทางสมอง หัวใจ เบาหวาน อ้วน (หลายประเทศ ไม่ฉีดเด็กที่ไม่มีความเสี่ยง)
- ไทยควรฉีดผู้ใหญ่ให้ครบทุกคนก่อน เพราะอัตราการเสียชีวิตของผู้ใหญ่ สูงกว่าเด็ก 100 เท่า และถึงแม้จะฉีดวัคซีนแล้ว ก็ยังต้องใส่หน้ากาก
- สำหรับการเปิดโรงเรียน : ประเทศญี่ปุ่น แม้จะล็อกดาวน์ทั้งหมด แต่ก็ยกเว้นโรงเรียนไว้ / สิงคโปร์ และอเมริกา ก็เปิดเรียน
- การที่เด็กไม่ไปโรงเรียน เป็นเรื่องเสียหายมาก ทั้งการเรียนรู้ การออกกำลังกาย และการเข้าสังคม และสุดท้าย สร้างปัญหาเด็กลาออกจากโรงเรียน สร้างความเหลื่อมล้ำมาก
- สิ่งที่ต้องดำเนินการ คือ การหามาตรการรับมือเปิดเทอมโดยแนวการป้องกันคือ
1) ฉีดวัคซีนให้ครูและคนในบ้าน เพราะหากผู้ใหญ่ไม่ติดเชื้อ เด็กก็ไม่ติดเชื้อ
2) เน้นการใส่หน้ากากทั้งที่บ้าน และโรงเรียน รวมทั้งการเว้นระยะห่าง ล้างมือ
3) ใครป่วยหรือมีประวัติสัมผัสต้องหยุดอยู่บ้าน ทำความสะอาดห้อง
4) ควรมีการตรวจเด็กเป็นระยะ ในช่วงที่มีระบาดหนัก / ส่วนที่ไม่ระบาดหนัก อาจตรวจเฉพาะคนที่มีอาการ
5) ไม่จำเป็นต้องใช้สูตรเดียวทั้งประเทศ ขึ้นอยู่กับพื้นที่ เช่น นักเรียนติดคนเดียว ก็ไม่จำเป็นต้องปิดทั้งโรงเรียน ซึ่งจะสร้างความเสียหายมาก อาจะให้หยุดเรียนเฉพาะเด็กคนอื่น ที่สัมผัสเด็กที่ติดเชื้ออย่างใกล้ชิด
- โรงเรียนควรเป็นที่ที่ปิดหลังสุด แต่กลับถูกปิดก่อน เพราะไปคิดเหมือนไข้หวัดใหญ่ ทั้งที่ปัญหาไม่เหมือนกัน
- น่าเป็นห่วงเด็ก ที่ต้องหยุดในช่วงนี้ ซึ่งเป็นช่วงที่สมอง กำลังพัฒนา
- พบว่าเด็กติดเกมเยอะมากช่วงนี้ ถ้าไม่ดูให้ดีก็จะเป็นปัญหา
- จำเป็นต้องมาช่วยกันให้เด็กได้รับการศึกษาที่ดี
- องค์การอนามัยโลก บอกว่ามีปัญหาเรื่อง เด็กอ้วนเตี้ย ซึ่งมาจากไม่ได้ออกกำลังกาย อยู่แต่หน้าจอ
- จะเกิดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษามหาศาล เช่น อินเดีย มีคนที่ไม่ได้เรียน สุดท้าย เด็กก็ออกไปหางานเลี้ยงชีพ อนาคตก็แย่หมดไม่มีความรู้ ต้องหาทางแก้ไขปัญหาที่จะตามมา
------
จากนี้ยังมีความเห็นของอาจารย์สมพงษ์ (ศาสตราจารย์ สมพงษ์ จิตระดับ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ภาคประชาสังคม กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา) กล่าวว่า
- นโยบายที่เตรียมการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ 4 ล้านโดส ให้เด็ก 12-18 ปี ถือว่ามาถูกทาง เพราะว่าเดือนพฤศจิกายนโรงเรียนจะเปิดอีกครั้ง
- เด็กกลุ่มเสี่ยง กลุ่มเปราะบาง กลุ่มยากจน กลุ่มที่อยู่ในชุมชน ควรได้รับการฉีดวัคซีนเป็นกลุ่มแรกๆ เพราะตอนนี้ติดเชื้อจำนวนมาก
- ขณะนี้ ครู 45% ฉีดวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว แต่จะทำถึง 70% ก่อนเปิดเทอมเดือนพฤศจิกายนได้ทันหรือไม่
- หากเด็กไปโรงเรียนแล้วมีการติดเชื้อเกิดขึ้น ควรเตรียมสถานที่พักคอย ดูแล บริหารจัดการอย่างเป็นระบบ
- ไม่ใช่ว่าพบเด็กติดเชื้อ คนสองคน แล้วสั่งปิดโรงเรียนทันที
- การมีสถานที่พักคอย จะทำให้แยกเด็กออกจากกันและทำให้เด็กส่วนใหญ่ก็ยังเรียนได้ปกติ
- การจ้างงานพ่อแม่ การมีอาสาสมัครไปช่วยเยียวยา จะทำให้เด็กฟื้นตัวดีขึ้น
- จากการปิดเรียน เด็กต้องอยู่ในชุมชนแออัด ทำให้เกิดความเครียดสะสมแบบ 3 เส้า ทั้งเด็ก พ่อแม่ผู้ปกครอง และ ครู
- ความเครียดที่เด็กต้องเรียนรู้ใบงานมากมาย อยู่หน้าจอวันละ 7-8 ชม. ที่เด็กเอือมระอา
- เมื่อเปิดเทอม มีทั้งเด็กกำพร้า เด็กยากจนด้อยโอกาส และเด็กปกติที่เรียนด้วยกัน ครูจะมีวิธีการจัดการแนะแนวอย่างไร เยี่ยมบ้านเด็กอย่างไร
- หากไปเจอเด็กที่มีภาวะซึมเศร้า เกิดการสูญเสีย จะประสานหน่วยงานไหนไปช่วยดูแล
同時也有1部Youtube影片,追蹤數超過36萬的網紅ProGresS 89,也在其Youtube影片中提到,อุดหนุนสติ้กเกอร์ไลน์พี่เกรสกับพี่ลิงได้ที่ : https://store.line.me/stickershop/product/1447888 อย่าลืมกดSUBSCRIBEติดตาม กดไลค์ กดแชร์ให้กำลังใจเกรสด...
「ศาสตราจารย์เกียรติคุณ」的推薦目錄:
- 關於ศาสตราจารย์เกียรติคุณ 在 อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์ Facebook 的最佳解答
- 關於ศาสตราจารย์เกียรติคุณ 在 Drama-addict Facebook 的精選貼文
- 關於ศาสตราจารย์เกียรติคุณ 在 Drama-addict Facebook 的精選貼文
- 關於ศาสตราจารย์เกียรติคุณ 在 ProGresS 89 Youtube 的最佳解答
- 關於ศาสตราจารย์เกียรติคุณ 在 TCI - ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.สมจิต หนุเจริญกุล - YouTube 的評價
- 關於ศาสตราจารย์เกียรติคุณ 在 ศาสตราจารย์กิตติคุณ... - บริษัท ทยุติธร แอนด์ ... 的評價
- 關於ศาสตราจารย์เกียรติคุณ 在 ศาสตราจารย์เกียรติคุณญาณวิทย์ กุญแจทอง - YouTube 的評價
ศาสตราจารย์เกียรติคุณ 在 Drama-addict Facebook 的精選貼文
ขยายความอันนี้ มันมาจากคลิปที่แชร์เตือนกันในไลน์ว่าชาวมุสลิมให้ระวังการฉีดวัคซีน covid-19 เพราะทำจากไขมันหมู
อันนี้ก็เป็นประเด็นที่มีทางประเทศที่มีชาวมุสลิมอยู่อาศัยเยอะกังวลมาพักนึงแล้ว เพราะวัคซีนเนี่ย โดยปรกติ จะมีการใช้ เจลาติน มาทำหน้าที่เป็นอิมัลซิไฟเออร์เพื่อช่วยในการคงสภาพวัคซีน
ทีนี้ เจลาตินที่ว่านี่ ก็สกัดได้จากหลายแหล่ง ทั้งจาก หนังหมู กระดูกหมู รวมไปถึงสัตว์อื่นๆ เช่น วัว ควาย ซึ่งที่ผ่านมา มีวัคซีนหลายตัวที่ใช้เจลาตินที่ผลิตจากหมูเป็นส่วนประกอบ ซึ่งวัคซีนพวกนี้จะไม่มีฮาลาล (ไม่มีสิ่งของต้องห้ามตามหลักศาสนาอิสลาม) แต่เป็น ฮารอม (คือมีสิ่งที่ขัดกับหลักศาสนาเจือปน)
ทีนี้พอ covid-19 ระบาดทั่วโลก วัคซีนที่จะผลิตก็ต้องฉีดให้ชาวมุสลิมทั่วโลกด้วย องค์กรหลายๆองค์กรของชาวมุสลิม ก็ไปคุยถึงข้อกังวลนี้กับทางบริษัทผู้พัฒนาวัคซีน สรุปคือ ทางบริษัทผู้ผลิตรายใหญ่ทั้งหมด ยืนยันว่า วัคซีนที่ผลิต จะไม่ใช้เจลาตินที่ผลิตจากหมูมาเป็นองค์ประกอบอย่างแน่นอน
และหลายๆประเทศ ก็เริ่มให้ฮาลาล กับวัคซีนเหล่านั้นแล้ว เช่น อินโดประกาศให้ฮาลาลกับวัคซีนของซิโนแวค ดังนั้น เข้าใจความกังวลของพ่อแม่พี่น้องชาวมุสลิม แต่ประเด็นนี้ถือว่าปลอดภัย สามารถฉีดวัคซีนได้ไม่ผิดหลักศาสนาอย่างแน่นอน
ล่าสุด ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นพ.อมร ลีลารัศมี นายกแพทยสมาคมแห่งประเทศไทยฯ กล่าวกับ "ทีมข่าวอิศรา" ว่า วัคซีนโควิดไม่เกี่ยวอะไรกับสารสกัดจากน้ำมันหมู ยืนยันว่าวัคซีนตัวนี้ไม่มีส่วนผสมของหมู ไม่ได้นำมาจากไขมันหมู ไม่มีส่วนผสมของสัตว์ เป็นสารสังเคราะห์ในระดับโมเลกุล
ด้าน ดร.วินัย ดะห์ลัน ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์เฟสบุ๊กส่วนตัว ชี้แจงข้อข้องใจเรื่องวัคซีนฮาลาลหรือไม่ สรุปว่า ในบรรดาคนไทยเกือบ 70 ล้านคน มีประมาณ 4-5 ล้านคนเป็นมุสลิม คำถามที่เกิดขึ้นไม่เฉพาะในประเทศไทย แต่กับมุสลิมประมาณ 2 พันล้านคนทั่วโลกก็มีคำถามเหมือนกันว่า วัคซีนโควิด-19 ฮาลาลสำหรับมุสลิมหรือไม่
เรื่องวัคซีนฮาลาลเคยเป็นประเด็นกับวัคซีนตัวอื่นมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นวัคซีนโปลิโอ คอตีบ หรือแม้กระทั่งไข้กาฬหลังแอ่น ชาวบ้านในปากีสถาน บังคลาเทศ อินโดนีเซีย มาเลเซีย หรือแม้แต่ประเทศไทย เกิดคำถามถึงขนาดผู้ปกครองบางส่วนปฏิเสธที่จะให้ลูกหลานรับวัคซีนกลุ่มนี้ ความที่เป็นประเด็นมาก่อน ทำให้ทางการของอินโดนีเซียและมาเลเซียส่งนักวิชาการศาสนาอิสลามเข้าร่วมตรวจสอบวัคซีนโควิด-19 อีกทั้งบริษัทผู้ผลิตวัคซีนได้พากันปรับสูตรการผลิตกันยกใหญ่ เนื่องจากตลาดมุสลิมใหญ่โตมโหฬารจำเป็นต้องรักษาไว้
สิ่งที่เป็นข้อห้ามในทางศาสนาอิสลามที่เป็นประเด็นในกรณีวัคซีน คือการใช้เจลาติน (Gelatin) จากสุกรเพื่อรักษาสภาพของวัคซีน (Stabilizer) วิธีนี้ใช้กันทั่วไป เหตุนี้ "ซิโนแวค" และ "แอสตร้าเซนเนก้า" ที่เป็นผู้ผลิตวัคซีนส่งให้ประเทศไทยต่างยืนยันว่าใช้เจลาตินที่ปลอดสุกร โดยอินโดนีเซียส่งนักวิชาการศาสนาอิสลามเข้าไปร่วมตรวจกระบวนการผลิตวัคซีนของซิโนแวคที่ประเทศจีน ก็ยืนยันตรงกัน เช่นเดียวกับแอสตร้าเซนเนก้า โดยในส่วนของการรับรองฮาลาล คาดว่าคงให้นักวิชาการศาสนาอิสลามในอังกฤษซึ่งมีอยู่หลายหน่วยงานเข้าไปตรวจสอบ
อ้างอิง
https://www.youtube.com/watch?v=b3yo52iGjVs
https://www.isranews.org/.../sout.../96691-halalvaccine.html
https://www.matichonweekly.com/column/article_387365
ศาสตราจารย์เกียรติคุณ 在 Drama-addict Facebook 的精選貼文
มีคนแจ้งเบาะแสว่า มีการแชร์คลิปเตือนกันในไลน์ว่าชาวมุสลิมให้ระวังการฉีดวัคซีน covid-19 เพราะทำจากไขมันหมู
อันนี้ก็เป็นประเด็นที่มีทางประเทศที่มีชาวมุสลิมอยู่อาศัยเยอะกังวลมาพักนึงแล้ว เพราะวัคซีนเนี่ย โดยปรกติ จะมีการใช้ เจลาติน มาทำหน้าที่เป็นอิมัลซิไฟเออร์เพื่อช่วยในการคงสภาพวัคซีน
ทีนี้ เจลาตินที่ว่านี่ ก็สกัดได้จากหลายแหล่ง ทั้งจาก หนังหมู กระดูกหมู รวมไปถึงสัตว์อื่นๆ เช่น วัว ควาย ซึ่งที่ผ่านมา มีวัคซีนหลายตัวที่ใช้เจลาตินที่ผลิตจากหมูเป็นส่วนประกอบ ซึ่งวัคซีนพวกนี้จะไม่มีฮาลาล (ไม่มีสิ่งของต้องห้ามตามหลักศาสนาอิสลาม) แต่เป็น ฮารอม (คือมีสิ่งที่ขัดกับหลักศาสนาเจือปน)
ทีนี้พอ covid-19 ระบาดทั่วโลก วัคซีนที่จะผลิตก็ต้องฉีดให้ชาวมุสลิมทั่วโลกด้วย องค์กรหลายๆองค์กรของชาวมุสลิม ก็ไปคุยถึงข้อกังวลนี้กับทางบริษัทผู้พัฒนาวัคซีน สรุปคือ ทางบริษัทผู้ผลิตรายใหญ่ทั้งหมด ยืนยันว่า วัคซีนที่ผลิต จะไม่ใช้เจลาตินที่ผลิตจากหมูมาเป็นองค์ประกอบอย่างแน่นอน
และหลายๆประเทศ ก็เริ่มให้ฮาลาล กับวัคซีนเหล่านั้นแล้ว เช่น อินโดประกาศให้ฮาลาลกับวัคซีนของซิโนแวค ดังนั้น เข้าใจความกังวลของพ่อแม่พี่น้องชาวมุสลิม แต่ประเด็นนี้ถือว่าปลอดภัย สามารถฉีดวัคซีนได้ไม่ผิดหลักศาสนาอย่างแน่นอน
ล่าสุด ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นพ.อมร ลีลารัศมี นายกแพทยสมาคมแห่งประเทศไทยฯ กล่าวกับ "ทีมข่าวอิศรา" ว่า วัคซีนโควิดไม่เกี่ยวอะไรกับสารสกัดจากน้ำมันหมู ยืนยันว่าวัคซีนตัวนี้ไม่มีส่วนผสมของหมู ไม่ได้นำมาจากไขมันหมู ไม่มีส่วนผสมของสัตว์ เป็นสารสังเคราะห์ในระดับโมเลกุล
ด้าน ดร.วินัย ดะห์ลัน ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์เฟสบุ๊กส่วนตัว ชี้แจงข้อข้องใจเรื่องวัคซีนฮาลาลหรือไม่ สรุปว่า ในบรรดาคนไทยเกือบ 70 ล้านคน มีประมาณ 4-5 ล้านคนเป็นมุสลิม คำถามที่เกิดขึ้นไม่เฉพาะในประเทศไทย แต่กับมุสลิมประมาณ 2 พันล้านคนทั่วโลกก็มีคำถามเหมือนกันว่า วัคซีนโควิด-19 ฮาลาลสำหรับมุสลิมหรือไม่
เรื่องวัคซีนฮาลาลเคยเป็นประเด็นกับวัคซีนตัวอื่นมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นวัคซีนโปลิโอ คอตีบ หรือแม้กระทั่งไข้กาฬหลังแอ่น ชาวบ้านในปากีสถาน บังคลาเทศ อินโดนีเซีย มาเลเซีย หรือแม้แต่ประเทศไทย เกิดคำถามถึงขนาดผู้ปกครองบางส่วนปฏิเสธที่จะให้ลูกหลานรับวัคซีนกลุ่มนี้ ความที่เป็นประเด็นมาก่อน ทำให้ทางการของอินโดนีเซียและมาเลเซียส่งนักวิชาการศาสนาอิสลามเข้าร่วมตรวจสอบวัคซีนโควิด-19 อีกทั้งบริษัทผู้ผลิตวัคซีนได้พากันปรับสูตรการผลิตกันยกใหญ่ เนื่องจากตลาดมุสลิมใหญ่โตมโหฬารจำเป็นต้องรักษาไว้
สิ่งที่เป็นข้อห้ามในทางศาสนาอิสลามที่เป็นประเด็นในกรณีวัคซีน คือการใช้เจลาติน (Gelatin) จากสุกรเพื่อรักษาสภาพของวัคซีน (Stabilizer) วิธีนี้ใช้กันทั่วไป เหตุนี้ "ซิโนแวค" และ "แอสตร้าเซนเนก้า" ที่เป็นผู้ผลิตวัคซีนส่งให้ประเทศไทยต่างยืนยันว่าใช้เจลาตินที่ปลอดสุกร โดยอินโดนีเซียส่งนักวิชาการศาสนาอิสลามเข้าไปร่วมตรวจกระบวนการผลิตวัคซีนของซิโนแวคที่ประเทศจีน ก็ยืนยันตรงกัน เช่นเดียวกับแอสตร้าเซนเนก้า โดยในส่วนของการรับรองฮาลาล คาดว่าคงให้นักวิชาการศาสนาอิสลามในอังกฤษซึ่งมีอยู่หลายหน่วยงานเข้าไปตรวจสอบ
อ้างอิง
https://www.youtube.com/watch?v=b3yo52iGjVs
https://www.isranews.org/article/south-news/south-slide/96691-halalvaccine.html
https://www.matichonweekly.com/column/article_387365
ศาสตราจารย์เกียรติคุณ 在 ProGresS 89 Youtube 的最佳解答
อุดหนุนสติ้กเกอร์ไลน์พี่เกรสกับพี่ลิงได้ที่ :
https://store.line.me/stickershop/product/1447888
อย่าลืมกดSUBSCRIBEติดตาม กดไลค์ กดแชร์ให้กำลังใจเกรสด้วยนะคะ
Youtube : http://goo.gl/Q3XC8B
Facebook : https://www.facebook.com/paopan.chantian
Instagram : Progress89_Gamer
-----------------------------------------------------------------------------------------------------
สังกัด Online Station ช่วยให้ช่องคุณเติบโตขึ้นแบบก้าวกระโดด คนดูวิดีโอเยอะขึ้น มีรายได้เพิ่มมากขึ้น ใครทำช่อง Youtube อยู่สมัครได้เลยที่นี่ http://caster.os.co.th
-----------------------------------------------------------------------------------------------------
::: สนใจติดต่อโฆษณาหรือสปอนเซอร์ :::
ติดต่อทีมงาน Online Station
โทร : 02-647-5162
อีเมล์ : tawan_boo@truecorp.co.th
ศาสตราจารย์เกียรติคุณ 在 ศาสตราจารย์กิตติคุณ... - บริษัท ทยุติธร แอนด์ ... 的推薦與評價
ตามพระราชบัญญัติอุดมศึกษา หรือพระราชบัญญัติของแต่ละมหาวิทยาลัย ใช้อักษรย่อว่า “ศ.กิตติคุณ” หรือ ศ.เกียรติคุณ” ส่วนระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการใช้ ... ... <看更多>
ศาสตราจารย์เกียรติคุณ 在 ศาสตราจารย์เกียรติคุณญาณวิทย์ กุญแจทอง - YouTube 的推薦與評價
สื่อประชาสัมพันธ์เพื่อเชิดชูเกียรติแก่ ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ญาณวิทย์ กุญแจทอง เนื่องด้วยโอกาสที่ได้รับพระราชทานเกียรติบัตร ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร ... ... <看更多>
ศาสตราจารย์เกียรติคุณ 在 TCI - ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.สมจิต หนุเจริญกุล - YouTube 的推薦與評價
ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.สมจิต หนุเจริญกุล บรรณาธิการวารสาร Pacific Rim International Journal of Nursing -------- วงการวารสารวิชาการไทยรวมตัว ... ... <看更多>