關於 เรื่องเล่าแบ่งปัน ，我們在網路上蒐集到這些相關的討論、資訊與評價

ยอด 3 ทุ่ม คืนศุกร์ 23 กค.ครับ 🙏

53,592,151.28 บาท

#เรื่องเล่าเช้านี้ช่วยผู้ประสบภัยโควิด19

บัญชีกระแสรายวัน ธนาคารกรุงเทพ สาขา ดิเอ็มควอเทียร์ เลขที่บัญชี 030-3-703839

#ร่วมแรงร่วมใจฝ่ามหันตภัยโควิด
#เรื่องเล่าแบ่งปัน

ผลจากโควิด ธุรกิจร้านอาหาร ไม่ใช่แค่เป็นศูนย์…
#โควิดทำลายทุกอย่าง

“ไม่อยากโทษใคร แต่พยายามตั้งสติมาหลายร้อยครั้งแล้ว ก็ยังหาทางออกไม่ได้ ไม่เข้าใจว่า ประเทศไทยใช้คำว่า สู้ๆ เปลืองมาก เมื่อไหร่มันจะหมดคำๆ นี้ไปเสียที”

#ร่วมแรงร่วมใจฝ่ามหันตภัยโควิด

ถึงทางตัน! เจ้าของร้านดัง My Cafe the Library ร่ำไห้ จำใจเซ้งร้าน หลังสู้พิษโควิดระลอกล่าสุดไม่ไหวแล้ว เป็นหนี้กว่า 3 ล้าน

ช่อลัดดา คุ้มวงค์ เจ้าของร้าน มายคาเฟ่ เดอะ ไลบรารี่ (My Cafe the Library) ย่านเกษตร-นวมินทร์ จุดที่รวบรวมคาเฟ่ ร้านอาหาร บาร์ และห้องสมุดขนาดย่อมไว้ด้วยกัน ซึ่งเคยเป็นสถานที่ถ่ายทำละครของช่อง 3 หลายเรื่อง และเคยได้รับการช่วยเหลือจากโครงการเรื่องเล่าแบ่งปัน สั่งออเดอร์ข้าวกล่องมาแจกให้ชาวชุมชนต่างๆ แต่ล่าสุด เธอบอก “ตอนนี้ต้องจำใจต้องปิดร้าน เพราะไปต่อไม่ไหว”

ช่อลัดดา เล่าทั้งน้ำตาว่า ร้านนี้เปิดมา 12 ปี ก่อนที่โควิดจะระบาด เปิดให้บริการ 24 ชม. ลูกค้าเยอะมาก เธอเริ่มจากการเป็นผู้จัดการร้าน ต่อมากลายหุ้นส่วนร้าน และเพิ่งซื้อร้านมาทำต่อเองเมื่อประมาณ 1 ปีที่ผ่านมา หลังจากผ่านสถานการณ์โควิดรอบแรก เพราะคิดว่าธุรกิจนี้ยังไปได้ ซึ่งแรกๆ ก็ไปได้ด้วยดี ถึงแม้กำไรน้อย แต่ก็เลี้ยงลูกน้อง 15-16 คนของร้านได้

เธอบอกว่า เธอรักร้านนี้มาก มีความสุขทุกครั้งที่เห็นลูกค้ามานั่งอ่านหนังสือ จนลูกค้าเรียนจบหลายต่อหลายรุ่น แล้วกลับมาสวัสดีเรา รู้สึกอบอุ่นเป็นเหมือนครอบครัวมากกว่าร้านอาหาร

“เราไม่ได้หวังทำธุรกิจอย่างเดียว แต่หวังให้เด็กมาอ่านหนังสือ และลูกค้าเข้ามานั่งทำงาน บางครั้งเห็นเด็กมัวแต่เล่นกัน ไม่อ่านหนังสือ ก็จะให้พนักงานไปปรามว่าให้อ่านหนังสือ ความรู้สึกเหมือนเราเป็นแม่ มันมีความสุขมาก” เธอบอก และว่า ธุรกิจนึ้ของเธอไม่ได้หวังกำไรอย่างเดียว เพคาะอยากทำธุรกิจสร้างสรรค์สังคม เคยจัดโปรโมชั่นให้ลูกค้านำหนังสือมาบริจาคแลกกับคูปองสั่งเครื่องดื่มฟรี ซึ่งทางร้านได้นำหนังสือบางส่วนบริจาคให้มูลนิธิต่างๆ อยู่หลายครั้ง

ช่อลัดดา เล่าว่า ช่วงโควิดระบาดรอบ 2 แม้ต้องเสียพนักงานบางส่วนไป เพราะจ่ายค่าจ้างไม่ไหว เธอบอกลูกน้องไปว่า ถ้าสถานการณ์ดีขึ้นจะรับกลับมาทั้งหมด ปรากฎว่า ลูกน้องจำนวนหนึ่ง แม้ได้เงินเดือนลดลงแต่เต็มใจอยู่กันต่อ เธอบอกว่า ขณะนั้นเธอยังสู้ คิดว่าเดี๋ยวก็ควบคุมได้เหมือนรอบแรก พยายามคิดบวกตลอด จึงขวนขวายหาเงินมาทำร้านต่อ โดยยืมเงินเพื่อนบ้าง เอารถเข้าไฟแนนซ์บ้าง ตอนนั้นติดหนี้ประมาณ 2 แสนบาท

“แต่พอมาเจอโควิดรอบ 3 ถึงขั้นเข่าอ่อน แต่ก็ยังสู้อยู่ จากช่วงก่อนโควิดได้รายได้ประมาณ 2 หมื่นต่อวัน ตอนนี้เหลือวันละไม่กี่ร้อยบาท หลายคนถามว่าทำไมไม่หยุดทำร้าน แต่เพราะมันหยุดไม่ได้ กู้มาเยอะมาก และคิดว่ายังมีความหวังอยู่ ขณะเดียวกันค่าเช่าที่ค้างอยู่ก็พอกพูนมาเรื่อยๆ เพราะขอผ่อนจ่ายกับทางศูนย์การค้า”

เธอเล่าว่า ในช่วงโควิดรอบแรกและรอบ 3 ทางร้านมีโอกาสได้ทำข้าวกล่องให้โครงการ “เรื่องเล่าแบ่งปัน” “เหมือนคนที่กำลังจะจมน้ำตายแต่มีคนมากระชากขึ้นจากน้ำได้ทันเวลา แต่ตอนนี้ จำใจต้องปิดร้านแล้ว เพราะไม่มีลูกค้าเลย แถมโดนทวงค่าเช่า และไม่มีเงินเงินหมุนเวียนแล้ว ต้องค้างเงินเดือนพนักงาน มันเจ็บปวดมาก ไม่รู้จะทำยังไง”

เธอบอกว่า ตอนนี้มีหนี้สินกว่า 3 ล้านบาท จึงต้องประกาศเซ้งร้าน เพราะไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าแล้ว ทางเจ้าของที่ก็ให้ย้ายออกหากจ่ายค่าเช่าไม่ไหว

“เครียดมาก ร้องไห้ทุกวัน แทบไม่ได้นอน พอตื่นขึ้นมาก็ผวาทุกครั้ง เป็นแบบนี้ตั้งแต่มีประกาศออกมาตอนตี 1 วันที่ 27 มิถุนายน ว่า ไม่ให้นั่งทานอาหารในร้าน วันนั้นตื่นขึ้นมาตอนตี 2 เห็นข่าวนึกว่าฝันไป ถึงขั้นหยิกตัวเอง แต่พอรู้ว่ามันคือความจริง หลังจากนั้นรู้สึกมืดแปดด้าน ไม่รู้จะเอายังไงกับชีวิต”

ที่ผ่านมา เป็นคนสู้ชีวิตมาก แต่มาเจอครั้งนี้หนักหนาสาหัสที่สุดในชีวิต เข้าใจเลยที่มีคนคิดสั้นเพียงเสี้ยววินาที เพราะมันเป็นปัญหาที่ไม่มีใครมาช่วยแก้ได้”

“ไม่อยากโทษใคร แต่พยายามตั้งสติมาหลายร้อยครั้งแล้ว ก็ยังหาทางออกไม่ได้ ไม่เข้าใจว่า ประเทศไทยใช้คำว่า สู้ๆ เปลืองมาก เมื่อไหร่มันจะหมดคำๆ นึ้ไปเสียที”

ช่อลัดดา วิงวอนให้นายทุนเข้ามาเซ้งร้าน แล้วเปิดให้บริการต่อตอนโควิดซา เพราะเธอรักร้านนี้มาก อยากให้ร้านแบบนี้ได้ไปต่อ แต่สำหรับเธอ คงไม่มีทุนทำอีกต่อไปแล้ว

ข่าว-พัทธนันท์ หิรัญญทรัพย์

“ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค” จับมือ “แบรนด์ ซันโทรี่”
รวมพลัง “ONE SUNTORY เคียงข้างคนไทย สู้ภัยโควิด-19”
.
.
ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่เป็นคลัสเตอร์ใหญ่เกิดขึ้น ทำให้ยอดผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้โรงพยาบาลสนามและชุมชนที่มีผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 หลายแห่งกำลังประสบกับปัญหาภาวะขาดแคลนเครื่องอุปโภคบริโภค บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท แบรนด์ ซันโทรี่ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือซันโทรี่ ตระหนักถึงสถานการณ์ดังกล่าว จึงได้ร่วมมือกันจัดกิจกรรม “ONE SUNTORY เคียงข้างคนไทย สู้ภัยโควิด-19”
.
.
ส่งมอบผลิตภัณฑ์น้ำดื่มอควาฟิน่า และแบรนด์ซุปไก่สกัด รวมมูลค่า 1,350,000 บาท ให้กับโรงพยาบาลสนามทั่วประเทศ รวม 49 แห่งใน 36 จังหวัด และ 32 ชุมชน ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ในกรุงเทพมหานครผ่านโครงการ “เรื่องเล่าแบ่งปัน” ของรายการ “เรื่องเล่าเช้านี้” สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการส่งมอบความห่วงใยให้แก่บุคลากรทางการแพทย์และผู้ป่วยในโรงพยาบาลสนาม รวมถึงช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของคนในชุมชน โดยมอบผลิตภัณฑ์น้ำดื่ม และอาหารเสริมสุขภาพไว้บริโภค
.
.
ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย และแบรนด์ ซันโทรี่ ประเทศไทย ขอร่วมส่งมอบกำลังใจให้บุคลากรทางการแพทย์ และขอขอบคุณการเสียสละของฮีโร่ด่านหน้าทุกท่าน รวมถึงจะยืนหยัดอยู่ข้างคนไทยฝ่าวิกฤติโควิด-19 ครั้งนี้ไปด้วยกัน
.
.
#OneSuntory #สู้ภัยโควิด19 #ohlalastory