關於 postoftheyear2015 ，我們在網路上蒐集到這些相關的討論、資訊與評價

เคยไหมครับ รู้ว่าต้องทำ แต่ไม่ทำซะที ?
เคยไหมครับ มีมารในจิตใจ … คอยหยุดไม่ให้เราก้าวต่อไป ?

ไอเดียนี้เป็นอีกไอเดียที่ ถ้าเพื่อนๆ เข้าใจ
อาจเปลี่ยนชีวิต ไปตลอดกาล

-----

Key คือ ต้องเปลี่ยนที่ “จิตใต้สำนึก”
เพราะจิตใต้สำนึกเป็นตัวควบคุมพฤติกรรมของเราทั้งหมด

ทำยังไง? … ผมจะค่อยๆเล่าให้ฟัง

----

สมมุติปัจจุบันเราเป็นคนคิดลบ ไม่ประสบความสำเร็จ
นั่นแปลว่าเรามีความคิด “ลบ” อยู่เต็มไปหมดในจิตใต้สำนึก

การกระทำเลยออกมาแบบ “ลบๆ” ได้ผลแบบ “ลบๆ”
ต่อมาเมื่อเราพยายาม...เปลี่ยน
รับไอเดียดีๆ เรื่องดีๆ ข่าวดีๆ เข้าไป

มันจะไปอยู่แค่ระดับ “จิตสำนึก”
ยังไม่ฝังรากลงใน....จิตใต้สำนึก

การกระทำของเราจะ “ยังเหมือนเดิม”
(ย้ำอีกที! เพราะตัวที่ควบพฤติกรรมคือจิตใต้สำนึก)

พูดง่ายๆก็คือ “รู้แล้วว่าต้องทำไร แต่ไม่ได้ทำ” นั่นเอง

เราเรียกสถานะนี้ว่า “Bondage” – ตามภาพรูปซ้ายบนสุด

------

หน้าที่เราคือ ต้องให้ไอเดียดีๆ ใหม่ๆ (บวก)

ฝังลงใน "จิตใต้สำนึก" ให้ได้
ทำได้ 2 วิธี

1. ซ้ำ ๆ ๆ ๆ ซ้ำให้เยอะที่สุด
2. ใส่อารมณ์ร่วม (อารมณ์บวก)

เช่น

ฉันหล่อๆๆๆ (นึกหน้าตัวเองที่หล่อ… ฟินสุดๆ!)
ฉันคือนายกฯที่ยิ่งใหญ่ๆๆๆ (นึกภาพตอนเป็นนายกฯแล้ว แบบฟินสุดๆ)

(หลักการของ self-talk นั่นเอง หรือการเขียนเป้าหมายแล้วอ่านซ้ำ)

-----

ถ้าทำได้! เรามาครึ่งทางแล้วครับ

เราเรียกสถานะที่ 2 นี้ว่า “Reason”
คือมีทั้งไอเดียเก่า (-) และไอเดียใหม่ (+) ปนกัน

จะเกิดอาการ “ตัวมารกับนางฟ้า”

“มาร: เห้ย นายทำไม่ได้หรอก เหนื่อยเปล่าๆ”
“นางฟ้า: สู้ๆ เป้าหมายอยู่ข้างหน้าแล้ว ลุยอีกสักตั้ง”

ถ้ามารชนะ เราจะเด้งกลับไป “เป็นคนเดิม” อีกครั้ง
คิดลบเหมือนเดิม ไม่ประสบความสำเร็จเหมือนเดิม

ถ้านางฟ้าชนะ เราจะทะลุกำแพงนี้ไปได้
มีแต่ไอเดีย “บวก” เต็มไปหมด ทำอะไรก็สำเร็จ

และกลายเป็นคนใหม่ มีชีวิตใหม่ ในระดับที่ 3 คือ “Freedom”

ซึ่งการที่จะให้นางฟ้าชนะได้
จะต้องย้ำไอเดียบวก บ่อยๆ และมีอารมณ์ร่วมมากๆ

"แรงบันดาลใจ" หรือ เหตุผลที่จะทำไป “เพื่อ” อะไร

จึงสำคัญมาก
เพราะนี่คือจุดที่คุณจะต้อง "ยืนหยัด"
สู้ต่อ จนนางฟ้า เอาชนะตัวมาร!

------

สรุป

ถ้าปัจจุบัน เรารู้แต่ยังไม่ได้ทำ (ระดับที่ 1)
หรือเรากำลังผจญกับยักษ์กับมารอยู่ (ระดับที่ 2)

ไม่เป็นไร นั่นแสดงว่าเราใกล้แล้ว
ใกล้ที่จะทะลุกำแพง

แค่ ”ย้ำ” อีกสักหน่อย
“สู้” อีกสักนิด
“ลุย” กันอีกสักตั้ง

“ใส่อารมณ์ บวก! กับมันให้มากขึ้นอีกหน่อย”

อีกนิดเดียวก็จะทะลุกำแพงแล้วครับ

ลุย!

อรุณสวัสดิ์ครับ
Un+ Chirdpong (อั๋น เชิดพงษ์)
#PostofTheyear2015

Cr: Bob Proctor – thinking into result – ผมปรับบางส่วนเพื่อให้อ่านเข้าใจได้ง่ายขึ้น

โพสนี้ดีมาก

เหตุผล ทำไมคนถึง "ไม่ลงมือทำ"
และ จะทำยังไง

ให้เรา ลงมือทำ ในสิ่งที่อยากจะทำ!

ถ้าพี่ๆ น้องๆ เข้าใจ
ผมเชื่อว่าชีวิตจะเปลี่ยน

จาก
พี่ Un+ Chirdpong: สรุปหนังสือ BestSeller
คู่หูผม
และ CEO iClass

A10 (เอเท็น)

โพสนี้ผมอยากให้เพื่อนๆ ตั้งใจอ่านให้ดีๆ

เพราะถ้าเพื่อนๆ เข้าใจ มันจะเปลี่ยนชีวิตคุณไปตลอดกาล

-----
เคยสงสัยไหมครับ ... คนเรามักทำสิ่งที่ไม่อยากทำ?
แต่จะไม่ทำในสิ่งที่ควรทำ ?

เรารู้ว่าออกกำลังกายเป็นสิ่งที่ดี แต่ก็ไม่ออก?
เรารู้ว่าอ่านหนังสือ พัฒนาตัวเองเป็นสิ่งที่ดี แต่ก็ไม่ทำ?
เราอยากหุ่นดี รู้ว่าของหวานควรงด แต่ก็ยังกิน?

ทำไม ทำไม ทำไม ???

ของผมก็เช่นกัน มีเพื่อนๆ ถามผมเข้ามาหลังไมค์ว่า ...

ผมทำได้ยังไง ตื่นตี 4 มาอ่าน มาเขียนทุกๆ วัน ?
ทีแรก ผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำได้ยังไง ?

แต่พอนั่งนึกไป นึกมา .... อ้อ! ผมรู้ล่ะ

ว่าเคล็ดลับเบื้องหลังที่ผมทำได้คืออะไร!
และ เทคนิคนี้ สามารถเอาไปใช้ "ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม" ได้ทุกอย่างในโลกนี้!

พร้อมแล้วนะครับ...

-----

เทคนิคนี้ มาจาก Tony Robbins

สิ่งที่เป็น "แรงขับเคลื่อน" พฤติกรรมของมนุษย์ มี 2 อย่าง

1. Avoid Pain - หลีกเลี่ยงความเจ็บปวด!
2. Gain Pleasure - มุ่งหาความพึงพอใจ!

เช่น
อยากกินเค้ก เพราะ อร่อย (Gain pleasure)
อยากชนะเลิศโอลิมปิก เพื่อให้สาวๆ กรี๊ดดด (Gain Pleasure)
อยากย้ายที่เรียน เพราะเบื่อไอ้เพื่อนๆ กลุ่มนี้เต็มทน! (Avoid Pain)

-----

ซึ่งโดยส่วนมาก Avoid Pain จะมีแรงขับ มากกว่า Gain Pleasure เสมอ
เช่น

อยากรวย เพราะ อยากช่วยเหลือคนอื่น (Gain Pleasure) กับ
อยากรวย เพราะ กรูไม่เอาอีกแล้วความจนๆ ชีวิตแบบเดิมๆ แบบนี้ (Avoid Pain)

แน่นอน ว่า Avoid Pain มันจะแรงกว่า!!!

-----

แต่ Key concept มันอยู่ตรงนี้!!!
ในการกระทำ 1 อย่าง
มันจะมี 2 สิ่งนี้ อยู่ร่วมกันเสมอ!

เช่น

อยากหุ่นดี --> Gain pleasure
แต่ว่า ตอนที่ต้องเข้า Fitness ต้อง ควบคุมอาหาร มันคือ PAIN!!!
แล้วในเมื่อแรงขับจาก PAIN! มันมากกว่า Pleasure!!!

เพราะฉะนั้น นี่คือ เหตุผลที่ว่า

คนเลยไม่ทำในสิ่งที่ควรทำ!
คนไม่ออกกำลังกาย ทั้งๆที่รู้ว่ามันดี
คนไม่อ่านหนังสือ ทั้งๆที่รู้ว่ามันดี
คนไม่เดินตามความฝัน ทั้งๆที่รู้ว่า สุดท้ายแล้วมันจะเจ๋ง จะเท่ห์แค่ไหน

นั่นเพราะเรา Avoid Pain!
Pain ของการลงมือทำ!
Pain ของการทำมันทุกวัน!
Pain ของการอดของหวานที่เราชอบ!
Pain ของการต้องอดสิ่งที่เรียกว่า ละคร!

เพราะเราเจ็บปวดกับสิ่งพวกนี้
เราเลยไม่ทำมัน!!!!!

-------

เพราะฉะนั้น จะทำยังไงล่ะ???

อยากตามความฝัน แต่ต้องลงมือทำในสิ่งที่มันอาจจะ Pain
วิธีการคือ

เราก็ต้องผูก "Pain เข้าไปว่า ถ้าเราไม่ทำมัน" จะเกิดอะไรขึ้น!!!

เช่น
เป้าหมายของผม (อย่างนึง) คือ Bestseller
ผมต้องตื่นตี 4 ทุกวัน เพื่อมาอ่าน เพื่อมาเขียน
มันโคตรจะ Pain เลย!!!
(Pleasure ที่ว่าเป็น Bestseller คงไม่พอที่จะ Drive ผมได้)

แต่ว่า ผมผูกแบบนี้....
มีวันนึง ผมเผลอตื่นสาย
วันนั้น เลยต้องรีบๆ โพส
หนังสือก็ไม่ได้อ่าน... โพสก็แป๊ก ... อึกอัดทรมาณ นั่งเซ็งไปทั้งวัน!
นี่แหละ Pain ของผม!

เห้ยถ้าผม ตื่นสาย! โพสผมแป๊ก แฟนๆ ไม่รัก นายไม่ก้าวหน้า เป้าหมายนายไกลออกไป ใช้ชีวิตทั้งวัน ไม่มีความสุขนะเว้ย... นายจะเอาเหรอ ตื่นสาย!!!
เท่านี้!
ผม ตื่นเช้าทันที !
เพราะแรง Pain
ความเจ็บปวด ที่ถ้าผมไม่ทำ ถ้าผมตื่นสาย! มันจะเกิดอะไรขึ้น
มัน Drive ให้ผมมีวินัยตื่นตี 4 ทุกวัน

เพื่อเดินหน้าหาเป้าหมาย ที่เป็น Pleasure อันใหญ่!!!

-------

เพราะฉะนั้น
อยากปรับเปลี่ยนพฤติกรรมใดๆ ในโลก ให้คิด 2 เรื่องนี้

1. Avoid Pain (หลีกเลี่ยงความเจ็บปวด)
2. Gain Pleasure (มุ่งหน้าหาความพึงพอใจ)

ถ้าเราอยากทำอะไร แต่ไม่ได้ทำ!

แสดงว่ามันต้องมี Pain อยู่ลึกๆ
หามันออกมาให้เจอ
แล้วเปลี่ยนมันเป็น จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเราไม่ได้ทำมัน???

"ให้มันเป็น Pain ของการ ไม่ได้ทำ"

เพื่อ Drive ให้เรามุ่งหน้า หาเป้าหมาย!!!!

OK ไหมครับ???

อรุณสวัสดิ์ครับ
Un+Chirdpong (อั๋น เชิดพงษ์)
#PostOfTheYear2015
#Repostสำหรับคนที่พลาดไป

10 ไอเดีย "พัฒนาตัวเอง แบบก้าวกระโดด" ในปี 2016 !
-----
1. เปลี่ยนจาก เดี๋ยวก่อน เป็น "เดี๋ยวนี้"
เพราะถ้ามัวแต่ รอ รอ รอ... ก็มักจะรอต่อไป ทู้กที
ลงมือทำ "สิ่งที่สำคัญ" ทันที เดี๋ยวนี้!!!

2. "เชื่อ" ว่า ทุกๆ สิ่งเป็นไปได้
เพราะถ้าเรา ไม่เชื่อ! เราทำอะไร... ก็จะทำได้ไม่สุด!
พี่เบริด ธงชัย คงไม่ได้ออกมาจากท้องแม่แล้วร้องเพลงเพราะตั้งแต่แรกเกิด!
ทุกๆ คนก็เริ่มจาก ศูนย์เหมือนกันหมดทั้งนั้น ในเมื่อคนอื่นๆ ทำได้ เราก็ต้องทำได้ เช่นกัน!!!

3. "หัดเดิน"
เพราะถ้าเราไม่หัดเดิน (ล้ม บ้าง เจ็บ บ้าง)
เราก็คงเดินไม่ได้ ไปตลอดชีวิต
ทำแบบเดิมๆ ผลลัพธ์ที่ได้ก็แบบเดิมๆ!
อยากมีความสำเร็จแบบใหม่ๆ ที่ยิ่งใหญ่ ต้องหัด ลองอะไรใหม่ๆ

4. หาต้นแบบ แล้ว "ตักสมอง" เค้ามาซะ!
หม้อหุงข้าวไฟฟ้าที่คนคิดแล้ว จะมัวไปใช้เตาถ่านหุงข้าวให้เสียเวลาไปทำไม ???
เอาเค้ามาใช้เลย แล้วก็พัฒนาต่อยอดซ่ะ!!!

5. "ลงทุน" กับตัวเอง
หนังสือเล่มละ 300 อาจรู้สึกไม่ถูก
คอร์สสัมมนา 10,000 อาจรู้สึกแพงเว่อร์!
แต่เราก็มักมี iphone มี Galaxy Note รุ่นใหม่ล่าสุดตลอด!
idea ดีๆ จากสัมมนา อาจเปลี่ยนชีวิตเราได้เลย แต่น้อยนักที่ iphone รุ่นใหม่จะเปลี่ยนชีวิตเราได้!
ฝึกตัวเองให้เป็นคน "ลงทุนให้กับตัวเอง" ก่อนสิ่งอื่นๆ จึงสำคัญมาก!

6. คุยกับตัวเองให้จบว่า "ฉันคือใคร" ฉันเกิดมาเพื่ออะไร ???
คงไม่ดีแน่ ถ้าเราตั้งเป้าเป็นนักกอล์ฟ แต่ลึกๆ ในหัวใจเราอยากเป็นหมอ..
Key คือ หาตัวเองให้เจอ!
เคล็ดลับ ถามตัวเองว่า ในวันที่ฉันตาย ฉันอยากให้คนที่มางานศพ พูดถึงฉันว่าอะไร???
คำตอบนั่นแหละ คือ ตัวคุณ

7. "รู้เรื่องของตัวเอง" ให้มากกว่าเรื่องของคนอื่น
ข้างบ้านทำไมวันนี้กลับดึก ?
ละครเรื่องไหนใกล้อวสาน ?
ใครเป็นกิ๊กกับใคร ?
รู้เรื่องพวกนี้ไป.... ก็ไม่สำคัญเท่ากับ
เรารู้ว่า...อีก 5 ปี ข้างหน้า เราอยากเป็นอะไร ?
เราเกิดมาเพื่ออะไร ?
เราชอบอะไร ?
เราเก่ง และอยากเก่งอะไร ?
เป้าหมายในชีวิตเราคืออะไร ?
จริงไหมครับ ??

8. ต่อยอด "จุดแข็ง"
เพราะถ้าเราไปมัวแต่ฝึกจระเข้ ให้ปีนต้นไม้ คงจะเหนื่อยแบบสุดๆ
หาจุดแข็งให้เจอ แล้วพัฒนามันซ่ะ!!

9. "อย่าเยอะ" ในเรื่องความสุข
แต่ "ให้เยอะ" ในเรื่องความ ทุกข์
หรือพูดง่ายๆ ทุกข์ให้มันยากๆ หน่อย
(ตั้งเป้า 100 ได้ 20 ก็ให้ฉลองว่าสำเร็จมา 20)
เพราะถ้าเครียด ถ้าเศร้า หดหู่... ใครล่ะ จะไปมีกะใจ พัฒนาตัวเอง !

10. หาอะไรที่ "เจ็บ" ให้มันมากพอ
ไม่เอาแล้วโว้ย ชีวิตแบบนี้!
ไม่เอาแล้วโว้ย เป็นคนธรรมดาแบบนี้
ไม่เอาแล้วโว้ย อยู่อย่างไม่มีค่าแบบนี้
ถ้าคุณ Pain - คุณเจ็บกับอะไรสักอย่างมากพอ!
คุณก็จะต้องถีบตัวเองออกจากมัน และทำมันอย่าง พุ่งพรวด!!!
------

และ นี่คือ 10 เคล็ดลับ!
ที่จะทำให้คุณ พัฒนาตัวเอง
และก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว!
จนใครๆ ก็ฉุดไม่อยู่!

อรุณสวัสดิ์ครับ!
Un+ Chirdpong (อั๋น เชิดพงษ์)
(Ver. expanded edition)
mastermindthailand.com
#อันดับ4 #PostOfTheYear2015