ได้โอกาสกลับไทยแปปนึงเลยขอแว่บไปสอบ New Toeic 2021 สักหน่อย เดี๋ยวจะหาว่าไปสายเยอรมันแล้วจะลืมสายอังกฤษรึป่าว ไม่ลืมจ้ะ มันอยู่ในสายเลือดแล้ว 55 แต่ก่อนที่จะเข้าสู่รีวิว ขอขายของก่อนละกันนะทุกคน (เอาน่ะ) ใครที่กำลังจะไปสอบ หรือกำลังมืดแปดด้าน อ่านเองแล้วก็งงเพราะไม่มีใครอธิบาย มาค่ะ มาเรียนกับยู่ยี่ คือไม่รู้จริงไม่กล้ามาเปิดสอน คือบอกเลยว่าเรียนคอร์สข้อสอบยังไงให้ได้ผล คือต้องได้ทำมันจริงๆ มาตะลุยโจทย์กับยู่ยี่ 600 ข้อบอกเลย เจอข้อสอบจริงนี่ชิวๆไปเลย (และกำลังจะอัพเดทใหม่แถมให้อีก 100 ข้อเต็มๆ! ราคาเดิ้มมมมม 1500 บาทเท่านั้น คุ้มค่าเงินสุดๆ)
รายละเอียดคลิกเลยจ้ะ
https://www.facebook.com/YooYeesChannel/photos/a.322054167918832/1347197515404487/
อะมาถึงพาร์ทรีวิว อันที่จริงก็เอามาจากรีวิวอันเก่าที่เคยสอบไปเมื่อ 2 ปีก่อน 55
ต้องออกตัวก่อนเลยว่าเค้าอาจจะเป็นคนรีวิวการสอบโทอิคที่แย่ที่สุดในประวัติศาสตร์การรีวิว แต่เค้าอยากให้คนที่เรียนหรือฝึกภาษาอังกฤษอยู่ได้อ่านนะ
อย่างที่เค้าพูดในเพจ ในแชแนล กับนักเรียนของเค้าเสมอว่า จุดประสงค์ของการเรียนภาษาคือการนำไปใช้สื่อสารได้ ซึ่งถ้าเราใช้มัน "ถูกต้อง" และบ่อยๆ ไม่ว่าจะสอบอะไรก็ได้หมด การสอบเป็นแค่ผลพลอยได้เท่านั้น
ปล. ข้อสอบ New Toeic ต่างกับ Old Toeic ยังไง ถ้าถามดิฉันคงจะบอกว่าไม่แตกต่างอะไรเลย 55 ก็คงจะยังย้ำจุดเดิมว่า ภาษาถ้าเราเรียนแล้วใช้มันอย่างถูกต้องและบ่อยๆ รูปแบบข้อสอบจะเป็นยังไง ก็ไม่มีผลอะไร มีอย่างเดียวที่ไม่เหมือนแน่ๆ คือค่าสอบแม่งเพิ่มขึ้นจาก 1500 เป็น 1800 จ้าาา ชอคไปอีกกกกกก
ซึ่งบ่อยมากกกกๆ ที่คนจะมาขอให้เค้าสอนทริคแบบไฟลนก้นเพราะจะรีบเอาไปใช้สอบ โดยที่ไม่สนที่จะเรียนพื้นฐานอะไรของภาษาเลย เค้าก็แอบเสียใจเล็กๆ ว่าจุดประสงค์ของการเรียนภาษามันเปลี่ยนไป แทนที่จะเป็นการใช้ได้ พูดได้ ซึ่งนำมาซึ่งประสบการณ์ดีๆในชีวิตมากมาย ได้ท่องเที่ยว ได้พูดคุยกับผู้คนและเข้าใจเขาจริงๆ กลายเป็นจำทริคอะไรไม่รู้ไปสอบ แต่ไม่ได้รู้ความหมายหรือวิธีการใช้ประโยคนั้นจริงๆ พอสอบเสร็จแล้วก็ลืมหมด ซึ่งเค้ารู้สึกว่าถ้าการทำแบบนั้นทำให้ได้มาซึ่งคะแนนที่เยอะ แต่ถ้าเราไม่ได้รู้จริงๆ ไม่ได้มีความสามารถในการใช้ภาษาจริงๆ ก็เป็นอะไรที่น่าเศร้า
หลังจากสอบข้อสอบโทอิคมาแล้ว เค้ารู้สึกว่าการจะเตรียมตัวสอบนั้น ควรจะเตรียมตัวเป็นระยะยาว และอาศัยการสะสมประสบการณ์ในการใช้ภาษาและได้เจอภาษาเยอะๆ ข้อสอบที่เค้าสอบมีข้อที่เป็นคำศัพท์เยอะมากๆๆ จนเค้าแอบเซอร์ไพส์ และศัพท์ที่ออกนั้นแอบเป็นคำศัพท์ที่ยากพอควร-ยากมาก และยิ่งกว่านั้นคำศัพท์บางข้อนั้นถามความหมายที่ไม่ได้แปลตรงตัวเป๊ะๆ แต่เป็นความหมายแฝงความนัย (โอ้ยคำหรรรู) ที่ถ้าคนที่ท่องแต่ศัพท์อย่างเดียวไป แต่ประสบการณ์การใช้ การฟังภาษาอังกฤษน้อยยากที่จะตอบได้ (บางคนท่องแต่ศัพท์ แต่ไม่ยอมหาประโยคตัวอย่างการใช้ รู้ศัพท์ไปก็ใช้ไม่ได้อยู่ดี)
ในข้อสอบชุดที่เค้าสอบเจอเยอะมากกับคำถามจากบทความที่่แบบ ให้คำในบทความมาแล้วถาม The word .......... in line ...... is closest in meaning to? คำว่า ... จาก ... มีความหมายใกล้เคียงกับคำใดมากที่สุด
ข้อสอบเค้ามีคำเช่น All staff should "exercise" caution. แล้วถามว่า exercise ในข้อนี้แปลว่าอะไร ตัวเลือกก็มีมาหลอก a.use 2.work out (ที่เหลือจำไม่ได้ TT) ถ้าข้อนี้คนที่ท่องมาไม่อ่านบริบทจากบทความ ก็อาจจะตอบ work out ที่แปลว่าออกกำลังกายซึ่งเป็น synonym ของ exercise แต่ถ้าเราใช้ภาษาอังกฤษได้จะรู้ว่ามันไม่ make sense เลย ออกกำลังการความระมัดระวังคืออะไรชะ 55 ข้อนี้ต้องตอบ use.
หรือ I would like to "extend" an invitation. >> extend ใกล้เคียงกับคำไหน a.offer 2.prolong ซึ่งข้อนี้อีกเหมือนกันที่เอา synonym ของ extend คือ prolong (ต่อ ยืด) มาหลอก แต่ถ้าดูจากบริบทจะเห็นว่ามันไม่เมกเซ้นสักนิด ที่ถูกต้องคือ offer ที่แปลว่ายื่นเสนอการเชิญ แปลไทยเป็นไทยก็คือ เชิญ น่ะแหละ 55 ซึ่งเซ้นเล็กๆน้อยๆแบบนี้ล้วนมาจากประสบการณ์การใช้ การได้เจอภาษาทั้งนั้น
อีกหนึ่งคำถามที่โดนถามบ่อยมากสำหรับข้อสอบโทอิคคือ "ทำไม่ทัน ข้อสอบเยอะมาก ทำไงดี" คำถามที่ต้องโดนถามกลับไปคือ
"ในชีวิตประจำวัน ได้อ่านภาษาอังกฤษเยอะแค่ไหน? หรือเคยหาหรือหยิบภาษาอังกฤษมาอ่านบ้างรึป่าว?" ถ้าคำตอบคือ น้อย แทบจะไม่ ยู่ยี่คิดว่าน่าจะได้คำตอบแล้ว
คนที่ชอบอ่านนิยาย หรืออ่านการ์ตูนจะรู้ว่า พอเราอ่านเยอะๆ นิยายเรื่องนึงหรือการ์ตูนหน้านึงเรานี่กวาดสายตาอ่านภายในชั่วพริบตา ศัพท์ที่เคยอ่านแล้วงงๆ เจอไปเจอมา เปิดศัพท์มา พอเจออีกก็สบายๆ เดาทั้งความหมายทางตรงทางนัยทางอ้อมทางโค้งได้หมด เพราะฉะนั้นคนที่บอกว่าอ่านไม่ค่อยทัน แปลศัพท์ไม่ค่อยออก ลองหานิยายที่ชอบ การ์ตูนที่ชอบ หรือนิตยสารเจือกเรื่องดารามาเริ่มอ่านตั้งแต่วันนี้ และหาศัพท์มาท่อง วันละนิดละหน่อยดู ยู่ยี่รับประกันเลยว่าคะแนนสอบและการใช้ภาษาอังกฤษจะดีขึ้นแน่นอน
มาถึงการฟัง ยู่ยี่ว่าการฟังมีการซับซ้อน หลอกล่อและซ่อนเงื่อนพอควร ถ้าใครที่ไม่เคยดูหนังซาวแทร็คเลย ไม่ฟังเพลงอังกฤษเลย ถึงจะไปเรียนทริคเทริคอะไรมาก็น่าจะช่วยอะไรไม่ได้มาก
วิธีที่พัฒนาการฟังให้ดีมากๆ คือการฟังทุกวัน พยายามเอาตัวเอาไปโดนภาษานั้นๆ ให้ได้มากที่สุด เพลงเป็นวิธีที่ดีที่่สุด แต่ยู่ยี่บอกเสมอว่าอย่าฟังไปแบบนกกาให้มันผ่านไปโดยที่ไม่รู้ความหมายใดๆ ฟังเพื่อออออ? เรียนรู้จากเพลง เปิดความหมายมันแปล แล้วเรียนรู้จากมันซะ ได้ยินวนไปวนมา นอกจากการฟังจะพัฒนาและ ยังอยู่ๆจะพูดได้ไฟแล่บได้โดยไม่รู้ตัว เพราะมันมีทำนองไง ร้องไปร้องมา ปากมันก็ฝึกไป สมองก็จำไป คือยังไงก็ได้อ่ะ จริงๆ (ซึ่งถ้าใครชอบวิธีนี้ เค้าเพิ่งเปิดคอร์ส YooYee Daily life https://www.facebook.com/YooYeesChannel/photos/a.322054167918832/456251534499094/?type=3&theater
เอ้าขายของงงงงงงงง)
สิ่งที่สำคัญที่สุดของโทอิคคือเวลา เอาตามตรง ตามความคิดยู่ยี่ ยู่ยี่ว่ามันไม่ได้ยากขนาดนั้นเลย แต่เยอะ และเวลาจำกัด เพราะฉะนั้นการเจอบ่อยๆๆๆทำบ่อยๆๆ เนี่ยแหละทำให้ทำเร็วมาก 60 ข้อแรกที่เป็นพาร์ทคำศัพท์ + แกรมม่า ยู่ยี่จะใช้เวลาทำไม่เกิน 15 นาที เพราะถ้าเกินนี้จะทำข้างหลังแบบตุ่มๆต่อมๆละ แต่ด้วยความที่ยู่ยี่สอนภาษาอังกฤษมานาน ทำแบบฝึกหัดมาก็เป็นหมื่นๆข้อแล้วอะเนอะ เพราะฉะนั้นทุกคนก็พยายามทำแบบฝึกหัดเยอะๆๆๆๆๆ!!!
อย่างที่บอกว่านี่คงเป็นรีวิวที่แย่ที่สุดในการรีวิว เป็นการแนะนำมากกว่า เพราะยู่ยี่ไม่มีทริคใดๆจะบอก นอกจากถ้าเราใช้ภาษาได้ เราก็จะทำได้ ยู่ยี่เลยอยากให้ทุกคนเตรียมตัวตั้งแต่เนิ่นๆ เด็กมหาลัยก็อย่ารอให้มันซะปีสี่แล้วถึงจะเริ่มเคลื่อนไหวตัว เริ่มมันตั้งแต่ตอนนี้แหละ ท่องศัพท์ไป เรียนแกรมม่าไปวันละนิดละหน่อย ทำไมต้องรอให้มันเก่งตอนจะสอบใช่มั้ย? มันไม่เก่งขึ้นมาข้ามคืนหรอกนะคะคุณเทอออ คุณเทอเชื่อดิฉัน เริ่มและสะสมมันตั้งแต่วันนี้แหละ!
ก่อนจะจากกันไป ขอย้ำว่าอยากเก่งภาษาพื้นฐานต้องแน่น พยายามเรียนรู้วิธีใช้ วิธีพูดที่ถูกต้องตั้งแต่เริ่มเรียน ไม่ใช่ถูไถๆมั่วๆไป แล้วคิดว่าเดี๋ยวมันก็ถูกเอง เพราะมันจะไม่มีวันนั้นนะคะ ไหนๆเรียนแล้ว ก็เรียนให้มันถูกไปเลยไม่ดีกว่าหรอ ใช่ป่ะ? ถ้าคิดว่ามีแรงจะเรียนเองก็ซื้อหนังสือมาอ่าน แต่ถ้าไม่รู้จะเริ่มยังไง มืดจริงจังก็หาครูซะ อยากเก่งก็ต้องเข้าหาคนที่เขารู้จริงมั้ย? ถ้าหาครูไม่ได้ก็มาเรียนกับเค้าก็ได้ 555555555
รัก
ยู่ยี่ ❤️
#Toeic2021 #โทอิค2021 #สอบโทอิค #คอร์สโทอิค
同時也有10000部Youtube影片,追蹤數超過2,910的網紅コバにゃんチャンネル,也在其Youtube影片中提到,...
「i would like synonym」的推薦目錄:
- 關於i would like synonym 在 YooYeesChannel Facebook 的最讚貼文
- 關於i would like synonym 在 IELTS Fighter - Chiến binh IELTS Facebook 的最佳解答
- 關於i would like synonym 在 YooYeesChannel Facebook 的最佳解答
- 關於i would like synonym 在 コバにゃんチャンネル Youtube 的精選貼文
- 關於i would like synonym 在 大象中醫 Youtube 的精選貼文
- 關於i would like synonym 在 大象中醫 Youtube 的精選貼文
- 關於i would like synonym 在 What's a professional synonym for "would love to"? 的評價
i would like synonym 在 IELTS Fighter - Chiến binh IELTS Facebook 的最佳解答
⛔ KINH NGHIỆM TĂNG từ 6.0 đến 8.5 READING sau 3 THÁNG ⛔
- Mặc dù đã học ngoại ngữ từ những năm trung học nhưng IELTS đòi hỏi 4 kỹ năng không dễ dàng. Khi bắt đầu ôn luyện, mình cảm thấy các kỹ năng đều khó vì đề IELTS dài, thời gian làm bài nặng. Nhưng, từ đọc bình thường, các kỹ năng đều không tốt lắm nhưng bây giờ, mình đã tự tin hơn rất nhiều đặc biệt là kỹ năng Reading. Kỳ thi vừa rồi, mình đã đạt 8.5 Reading, 7.0 Speaking ☺☺
Đợt mình thi là vào tháng đầu tháng 12, đề speaking không quá khó nhưng theo mình khá thiếu ý để nói. Mình xin review lại cho các bạn:
Part 1:
Do you work or are you a student?
Do you usually go on time? Why?
What do you feel when people are not punctual?
Do you like having plant at home? Why?
Do you have experience of taking care of plant?
Part 2:
Talk about the time when you have to change your plan?
Part 3:
Do you think who are easier to change their mind, women or men? Why?
What should I do to change Vietnamese people mindset?
What would be the cost for changing plan?
Why do people not want to change their plan?
(còn một vài câu nữa mà mình không nhớ rõ)
Dưới đây là một số điều về kinh nghiệm học, hy vọng sẽ hữu ích với các bạn:
Trước đây mình chỉ học tiếng anh trên ghế nhà trường và các buổi học thêm ngoài giờ, không có thời gian và cơ hội đến các trung tâm anh ngữ lớn. Thật ra tiếng Anh là ngôn ngữ yêu thích của mình, và đã được tiếp xúc từ nhỏ do luôn học các lớp tiếng anh tăng cường ở trường qua các cấp. Do đó mình đã có nền tảng cơ sở khá vững chắc. Tuy nhiên, việc học từ vựng cao cấp và cấu trức ngữ pháp phức tạp luôn khiến mình gặp khó khăn trong suốt quá trình học tập, dẫn tới kĩ năng đọc và viết không quá tốt.
Vì thế, khó khăn nhất khi học hai kĩ năng Reading và Writing. Mình đã phải tự ôn luyện rất nhiều bằng cách làm thêm bài tập và tham khảo các mẫu viêt điểm cao với lối dùng từ và cách hành văn có thể lấy từ ielts-simon.com hoặc cuốn Academic Writing for IELTS by Sam McCarter.
Và mình viết nhiều nhất có thể. Chọn học tại IELTS Fighter là một điều may mắn của mình. Nhờ bạn bè giới thiệu về chất lượng giảng dạy, mình đã biết đến trung tâm anh ngữ uy tín IELTS FIGHTER. Đặc biệt sau khi tham khảo các khóa học của trung tâm, mình rất hài lòng với thời lương khóa học cũng như học phí. Không như các trung tâm anh ngữ khác thường kéo dài thời gian học, IELTS Fighter cung cấp các buổi học với kiến thức nền tảng vững chắc, cùng với việc đảm bảo đầu ra.
Trong quá trình học, thầy giáo luôn rất nhiệt tình, tận tâm và giúp đỡ các học viên trong suốt quá trình học. Thầy luôn cho những bài tập làm thêm bổ ích cũng như mở rộng những từ ngữ nâng cao. Mình thường viết thêm nhiều bài Writing nộp cho thầy chấm sau giờ học, thầy cũng giải đáp thắc mắc của mình khi gặp khó khăn. Ngay cả khi đã kết thúc khóa học và tự ôn luyện, mình cũng thường được sự hỗ trợ của thầy qua việc gửi những bộ đề ôn tập.
Bên cạnh sự giúp đỡ của thầy, để đạt được điểm số này, đặc biệt là kĩ năng Reading với mức điểm ngoài mong đợi 8.5, mình đã phải tự làm mỗi ngày một đề Reading trong cuốn Cambridge từ cuốn 8-13 để vững chắc mức cơ sở, sau đó vào hai tuần cuối trước khi thi mình làm reading trong bộ “IELTS Practice test plus 1.2 3” vì được biết bộ này rất khó nhưng lại sát với đề thi.
Lúc mới đầu làm mình vẫn còn gặp nhiều khó khăn, nhưng nhờ cách hướng dẫn kĩ năng đọc skimming và scanning của thầy dạy và luyện tập thường xuyên mà cải thiện rõ rệt. Thêm vào đó còn có các kĩ năng gạch chân từ khóa, phân bố thời gian hợp lí bằng việc bấm giờ và tự phân tích lỗi sai sau khi làm bài.
Với Reading thì mình thường chú ý theo các mẹo hay ra trong đề thi. Đặc biệt là với tên người hay tên các project, object mà đặc biệt, time number, thì mình lướt nhanh trong bài, không cần đọc hết bài mà xem những từ chính của câu hỏi xuất hiện ở những đoạn nào. Và thường matching, true false, mtp choice, heading thì theo thứ tự các đoạn liên tiếp nhau.
Thiệt sự thì với Reading điều quan trọng là phải làm thường xuyên thôi, thì mỗi người sẽ tự nghiệm ra cách làm riêng mình. Vì reading tổng thời gian ôn mình chỉ bắt đầu ôn trong 2 tháng, mỗi ngày làm một để 3 test, sau khi làm xong bộ Cam từ 8-13 là mình từ mức 6 chấm mà lên 7-7.5 luôn. Nên mình nghĩ để cải thiện được đến 8.5 Reading từ band điểm không cao như mình thì việc làm thường xuyên là quan trọng nhất. Và khi làm bài thì cần phải bấm giờ để giúp bản thân quen với áp lực giờ giấc.
Còn về listening, mình làm trong cuốn Cambridge cũng từ 8-13 và theo sau đó là bộ “IELTS listening recent actual test”, khá sát so với bài thi thực tế. Trong lúc ôn luyện, mình cũng áp dụng được những mẹo đoán đáp án hay loại từ của nó bằng những từ cho trước, để ý các synonym và antonym,…Những bộ sách này mình đều download từ page của trung tâm tại trang web http://ielts-fighter.com đó.
Tiếp theo đó kĩ năng Speaking và Writing, mình học theo giáo trình của trung tâm và thầy Khánh có cung cấp cho mình những bài mẫu để luyện tập, đặc biệt là speaking. Với speaking đòi hỏi có sự luyện tập hằng ngày với những mẩu câu hỏi và dạng chủ đề, vì Speaking với số lượng chủ đề có hạn nên chỉ cần luyện tập nhiều thì khi thi sẽ không bị bỡ ngỡ. Cuốn sách mà mình cảm thấy hữu ích khi luyện tập Speaking chính là “Intensive IELTS speaking” màu xanh lá có thể tìm thấy ở các nhà sách quận trung tâm.
Bên cạnh đó, việc rèn luyện thường xuyên với các bạn trong lớp cũng giúp mình học hỏi được rất nhiều kinh nghiệm và cải thiện kĩ năng nói hơn, giúp mình phản xạ tự nhiên và quen với việc trình bày trước mọi người, tăng tự tin khi vào phòng thi. Dù lúc đầu còn hơi ngại nhưng sau hai tháng, cảm thấy bản thân đã tiến bộ rất nhiều.
Part 3 với mỗi câu hỏi thì mình phân bố phần trả lời gồm 4-5 câu dài. Cấu trúc là statement-example, kiểu mình đưa ý đầu sau đó cho ví dụ về ý đó, và tiếp theo ý thứ hai làm tương tự vậy. Mình nói chi tiết thì sẽ có nhiều ý để nói hơn. Còn về ví dụ có thể cho chung chung hoặc liên hệ bản thân hay thực trạng xã hội.
Nói tóm lại thì mình đã cày và tự luyện mỗi ngày. Có lẽ yếu tố chăm chỉ và luyện tập thường xuyên cùng với sự hỗ trợ có được khi học tại trung tâm là điều quan trọng nhất giúp mình tăng band điểm như hôm nay!
Các bạn có thể tải tài liệu học theo link:
- Academic Writing for IELTS by Sam McCarter: http://bit.ly/2D8N0T5
- IELTS Practice test plus 1.2 3: http://bit.ly/2UbnaDT
- Cambridge IELTS 1-13 trọn bộ + giải chi tiết: http://bit.ly/2VXyogy
- IELTS listening recent actual test: http://bit.ly/2uXmwja
- Intensive IELTS trọn bộ: http://bit.ly/2TOyHc5
------------------
Hiện nay nhu cầu tuyển dụng đòi hỏi trình độ song ngữ khá cao, đặc biệt là tiếng Anh. Cùng với sự phổ biến của các chứng chỉ, IELTS dường như đã trở thành thước đo cho mức độ thành thạo về ngôn ngữ không chỉ ở Việt Nam mà còn ở các nước quốc tế.
Do đó, mình đã quyết định ôn luyện chứng chỉ này nhằm trau dồi kiến thức, tìm kiếm các công việc partime cho sinh viên với môi trường làm việc năng động sáng tạo. Hơn thế nữa, việc sở hữu tấm bằng IELTS với mức điểm cao đã trở thành ước mơ của mình khi đó là điều kiện tiên quyết để du học, hay thậm chí xin học bổng.
Mình thấy chọn học tại IELTS Fighter là đúng đắn giúp mình có định hướng và được hỗ trợ nhiều hơn.
Vì thế, theo cá nhân mình, nếu có điều kiện các bạn nên học trung tâm trước. Bạn cần chọn học IELTS với trung tâm uy tín như IELTS Fighter mà mình đã chọn. Từ đó phát huy được khả năng và tránh việc “đi đường vòng”, cũng như có được những nguồn tài liệu quý giá. Tiếp theo cần có sự rèn luyện chăm chỉ của mỗi cá nhân trong suốt quá trình tự học.
-----------------------
From: Đặng Hoàng Tuyết Nhi - học viên 7.5 IELTS.
Cảm ơn Nhi đã tin tưởng và lựa chọn IELTS Fighter trong suốt quá trình học tập của bản thân. Chúc bạn nhiều sức khỏe và thành công trong tương lai! Chắc chắn với nỗ lực của bản thân, nhiều cơ hội sẽ rộng mở với bạn!
IELTS Fighter hướng tới giúp hàng triệu người Việt tiếp cận và đạt 6.5 IELTS, hòa nhập quốc tế, phát triển tương lai sự nghiệp! Các bạn cần tư vấn học IELTS, hãy cmt ngay cùng IELTS Fighter nhé!
i would like synonym 在 YooYeesChannel Facebook 的最佳解答
บทสนทนาระหว่างยู่ยี่ และเพื่อน
ยู่ยี่ : มิงงง. ไปสอบการไฟฟ้าปะ
(การไฟฟ้าใช้คะแนนโทอิค 550 คะแนน)
เพื่อน : ไม่อะ. ไม่ได้สมัคร คะแนนโทอิคไม่ถึง
ยู่ยี่ : ก็แล้วทำไมมิงไม่สอบให้ถึงงงง
เพื่อน : กุเรียนวิดวะ. กุโง่อิ้งไงมิง
ยู่ยี่ : ได้ข่าวว่ากุก็นั่งเรียนข้างมิง จบพร้อมมิง อิหอยหลอดดดด
จะเรียนคณะอะไรก็เก่งภาษาได้. ฮ่วย! พอยึดติดว่าเรียนคณะคำนวณแล้วไม่สนใจเรียนภาษาอังกฤษ. แล้วพอจะต้องใช้จริง แล้วไม่ได้ มันเสียโอกาสมั้ยยยย
ปัดโถ่!
รัก
ยู่ยี่. ❤️
ปล.ขออภัยในภาษาหยาบคาย. แต่ยกประโยคจากเหตุการณ์จริงมาเล่า 😂😂
สวัสดีค่าทุกคนนนนน ❤️❤️❤️❤️
"ใครว่าไม่ได้เรียนด้านภาษา ต้องโง่ภาษา เอาหัวโหม่งโต๊ะค่ะ!"
เมื่อวันก่อนเค้าไปสอบโทอิคมา ผลเพิ่งมาส่งที่บ้านสดๆร้อนๆ วันนี้ เค้าเลยอยากจะมาบอกเล่าประสบการณ์การสอบของเค้า เผื่ออาจจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย (หรืออาจจะไม่เลย ฮ่าๆ)
ต้องออกตัวก่อนเลยว่าเค้าอาจจะเป็นคนรีวิวการสอบโทอิคที่แย่ที่สุดในประวัติศาสตร์การรีวิว 55 แต่เค้าอยากให้คนที่เรียนหรือฝึกภาษาอังกฤษอยู่ได้อ่านนะ
อย่างที่เค้าพูดในเพจ ในแชแนล กับนักเรียนของเค้าเสมอว่า จุดประสงค์ของการเรียนภาษาคือการนำไปใช้สื่อสารได้ ซึ่งถ้าเราใช้มัน "ถูกต้อง" และบ่อยๆ ไม่ว่าจะสอบอะไรก็ได้หมด การสอบเป็นแค่ผลพลอยได้เท่านั้น
ซึ่งบ่อยมากกกกๆ ที่คนจะมาขอให้เค้าสอนทริคเพราะจะรีบเอาไปใช้สอบ เค้าก็บอกตามตรงเสมอว่าทริคเทริคอะไรเค้าไม่มี เวลาเค้าทำข้อสอบเค้าก็ทำไปตามความรู้ที่เค้ามี ตามประสบการณ์การใช้ภาษาของเค้า และเค้าก็แอบเสียใจเล็กๆ (ตามภาษาคนรักการเรียนภาษาอะเนอะ) ว่าจุดประสงค์ของการเรียนภาษามันเปลี่ยนไป แทนที่จะเป็นการใช้ได้ พูดได้ ซึ่งนำมาซึ่งประสบการณ์ดีๆในชีวิตมากมาย ได้ท่องเที่ยว ได้พูดคุยกับผู้คนและเข้าใจเขาจริงๆ กลายเป็นจำทริคอะไรไม่รู้ไปสอบ แต่ไม่ได้รู้ความหมายหรือวิธีการใช้ประโยคนั้นจริงๆ พอสอบเสร็จแล้วก็ลืมหมด (ทำตัวเป็นเด็กวิศวะไปได้ ปัดโถ่! 55) ซึ่งเค้ารู้สึกว่าถ้าการทำแบบนั้นทำให้ได้มาซึ่งคะแนนที่เยอะ แต่ถ้าเราไม่ได้รู้จริงๆ ไม่ได้มีความสามารถในการใช้ภาษาจริงๆ ก็เป็นอะไรที่น่าเศร้า
หลังจากสอบข้อสอบโทอิคมาแล้ว เค้ารู้สึกว่าการจะเตรียมตัวสอบนั้น ควรจะเตรียมตัวเป็นระยะยาว และอาศัยการสะสมประสบการณ์ในการใช้ภาษาและได้เจอภาษาเยอะๆ ข้อสอบที่เค้าสอบมีข้อที่เป็นคำศัพท์เยอะมากๆๆๆ จนเค้าแอบเซอร์ไพส์ และศัพท์ที่ออกนั้นแอบเป็นคำศัพท์ที่ยากพอควร-ยากมาก และยิ่งกว่านั้นคำศัพท์บางข้อนั้นถามความหมายที่ไม่ได้แปลตรงตัวเป๊ะๆ แต่เป็นความหมายแฝงความนัย (โอ้ยคำหรรรู) ที่ถ้าคนที่ท่องแต่ศัพท์อย่างเดียวไป แต่ประสบการณ์การใช้ การฟังภาษาอังกฤษน้อยยากที่จะตอบได้ (บางคนท่องแต่ศัพท์ แต่ไม่ยอมหาประโยคตัวอย่างการใช้ รู้ศัพท์ไปก็ใช้ไม่ได้อยู่ดี)
ในข้อสอบชุดที่เค้าสอบเจอเยอะมากกับคำถามจากบทความที่่แบบ ให้คำในบทความมาแล้วถาม The word .......... in line ...... is closest in meaning to? คำว่า ... จาก ... มีความหมายใกล้เคียงกับคำใดมากที่สุด
ข้อสอบเค้ามีคำเช่น All staff should "exercise" caution. แล้วถามว่า exercise ในข้อนี้แปลว่าอะไร ตัวเลือกก็มีมาหลอก a.use 2.work out (ที่เหลือจำไม่ได้ TT) ถ้าข้อนี้คนที่ท่องมาไม่อ่านบริบทจากบทความ ก็อาจจะตอบ work out ที่แปลว่าออกกำลังกายซึ่งเป็น synonym ของ exercise แต่ถ้าเราใช้ภาษาอังกฤษได้จะรู้ว่ามันไม่ make sense เลย ออกกำลังการความระมัดระวังคืออะไรชะ 55 ข้อนี้ต้องตอบ use.
หรือ I would like to "extend" an invitation. >> extend ใกล้เคียงกับคำไหน a.offer 2.prolong ซึ่งข้อนี้อีกเหมือนกันที่เอา synonym ของ extend คือ prolong (ต่อ ยืด) มาหลอก แต่ถ้าดูจากบริบทจะเห็นว่ามันไม่เมกเซ้นสักนิด ที่ถูกต้องคือ offer ที่แปลว่ายื่นเสนอการเชิญ แปลไทยเป็นไทยก็คือ เชิญ น่ะแหละ 55 ซึ่งเซ้นเล็กๆน้อยๆแบบนี้ล้วนมาจากประสบการณ์การใช้ การได้เจอภาษาทั้งนั้น
อีกหนึ่งคำถามที่โดนถามบ่อยมากสำหรับข้อสอบโทอิคคือ "ทำไม่ทัน ข้อสอบเยอะมาก ทำไงดี" คำถามที่ต้องโดนถามกลับไปคือ
"ในชีวิตประจำวัน ได้อ่านภาษาอังกฤษเยอะแค่ไหน? หรือเคยหาหรือหยิบภาษาอังกฤษมาอ่านบ้างรึป่าว?" ถ้าคำตอบคือ น้อย แทบจะไม่ ยู่ยี่คิดว่าน่าจะได้คำตอบแล้ว
คนที่ชอบอ่านนิยาย หรืออ่านการ์ตูนจะรู้ว่า พอเราอ่านเยอะๆ นิยายเรื่องนึงหรือการ์ตูนหน้านึงเรานี่กวาดสายตาอ่านภายในชั่วพริบตา ศัพท์ที่เคยอ่านแล้วงงๆ เจอไปเจอมา เปิดศัพท์มา พอเจออีกก็สบายๆ เดาทั้งความหมายทางตรงทางนัยทางอ้อมทางโค้งได้หมด เพราะฉะนั้นคนที่บอกว่าอ่านไม่ค่อยทัน แปลศัพท์ไม่ค่อยออก ลองหานิยายที่ชอบ การ์ตูนที่ชอบ หรือนิตยสารเจือกเรื่องดารามาเริ่มอ่านตั้งแต่วันนี้ และหาศัพท์มาท่อง วันละนิดละหน่อยดู ยู่ยี่รับประกันเลยว่าคะแนนสอบและการใช้ภาษาอังกฤษจะดีขึ้นแน่นอน
**แต่!! ถ้ามันยังไม่ทัน ยู่ยี่แนะนำให้อ่านโจทย์ก่อน แล้วค่อยไปหาคำตอบดู อย่าเสร่ออ่านบทความก่อน แล้วค่อยไปอ่านโจทย์ แล้วต้องกลับมาอ่านใหม่อย่างยู่ยี่ เสียเวลามาก 55**
มาถึงการฟัง ยู่ยี่ว่าการฟังมีการซับซ้อน หลอกล่อและซ่อนเงื่อนพอควร ถ้าใครที่ไม่เคยดูหนังซาวแทร็คเลย ไม่ฟังเพลงอังกฤษเลย ถึงจะไปเรียนทริคเทริคอะไรมาก็น่าจะช่วยอะไรไม่ได้มาก
วิธีที่พัฒนาการฟังให้ดีมากๆ คือการฟังทุกวัน พยายามเอาตัวเอาไปโดนภาษานั้นๆ ให้ได้มากที่สุด เพลงเป็นวิธีที่ดีที่่สุด แต่ยู่ยี่บอกเสมอว่าอย่าฟังไปแบบนกกาให้มันผ่านไปโดยที่ไม่รู้ความหมายใดๆ ฟังเพื่อออออ? เรียนรู้จากเพลง เปิดความหมายมันแปล แล้วเรียนรู้จากมันซะ ได้ยินวนไปวนมา นอกจากการฟังจะพัฒนาและ ยังอยู่ๆจะพูดได้ไฟแล่บได้โดยไม่รู้ตัว เพราะมันมีทำนองไง ร้องไปร้องมา ปากมันก็ฝึกไป สมองก็จำไป คือยังไงก็ได้อ่ะ จริงๆ (ซึ่งถ้าใครชอบวิธีนี้ เค้าเพิ่งเปิดคอร์ส YooYee Daily life https://www.facebook.com/…/a.322054167918…/620521274738785/… เอาน่ะๆ ให้เค้าโฆษณานิดนึงนะตัวเอง)
สิ่งที่สำคัญที่สุดของโทอิคคือเวลา เอาตามตรง ตามความคิดยู่ยี่ ยู่ยี่ว่ามันไม่ได้ยากขนาดนั้นเลย แต่เยอะ และเวลาจำกัด เพราะฉะนั้นการเจอบ่อยๆๆๆทำบ่อยๆๆ เนี่ยแหละทำให้ทำเร็วมาก 60 ข้อแรกที่เป็นพาร์ทคำศัพท์ + แกรมม่า ยู่ยี่จะใช้เวลาทำไม่เกิน 20 นาที เพราะถ้าเกินนี้จะทำข้างหลังแบบตุ่มๆต่อมๆละ แต่ด้วยความที่ยู่ยี่สอนมา ทำแบบฝึกหัดมาก็เป็นหมื่นๆข้อแล้วอะเนอะ 55 เพราะฉะนั้นทุกคนก็พยายามทำแบบฝึกหัดเยอะๆๆๆๆๆ!!!
อย่างที่บอกว่านี่คงเป็นรีวิวที่แย่ที่สุดในการรีวิว เป็นการแนะนำมากกว่า เพราะยู่ยี่ไม่มีทริคใดๆจะบอก นอกจากถ้าเราใช้ภาษาได้ เราก็จะทำได้ 55 ยู่ยี่เลยอยากให้ทุกคนเตรียมตัวตั้งแต่เนิ่นๆ เด็กมหาลัยก็อย่ารอให้มันซะปีสี่แล้วถึงจะเริ่มเคลื่อนไหวตัว (หล่อนเป็นคนนะไม่ใช่สล๊อต!) เริ่มมันตั้งแต่ตอนนี้แหละ ท่องศัพท์ไป เรียนแกรมม่าไปวันละนิดละหน่อย ทำไมต้องรอให้มันเก่งตอนจะสอบใช่มั้ย? มันไม่เก่งขึ้นมาข้ามคืนหรอกนะคะคุณเทอออ คุณเทอเชื่อดิฉัน เริ่มและสะสมมันตั้งแต่วันนี้แหละ!
ยู่ยี่โคดหมกหมุ่นภาษาอังกฤษมากตอนสมัยมอปลาย แล้วก็ใช้+ฝึกภาษาอังกฤษมาตลอดกับตัวเอง (ดิฉันเรียนโรงเรียนเตรียมวิศวะตอนมอปลาย และวิศวะไฟฟ้าตอนมหาลัย ไม่ได้เรียนอะไรเกี่ยวกับภาษาเลย ไม่เคยเรียนอินเตอร์เลยยังทำได้!) เข้าสอบโทอิคครั้งแรกตอนปีสอง เพราะจะเอาคะแนนโทอิคไปยื่นทุนฝึกงาน ไม่เคยรู้มาก่อนว่าข้อสอบเป็นยังไง อะไร เปิดคำข้อสอบผ่านๆในบารอน แล้วก็ไปเข้าไปครั้งแรกในชีวิต ได้ 955 คะแนน ใช้ประสบการณ์สอบทั้งนั้น และมาสอบอีกทีก็ครั้งนี้ (สามปีต่อมา)
ก่อนจะจากกันไป ขอย้ำและขอโฆษณานิดนึง (เอาน่ะๆ) ว่าอยากเก่งภาษาพื้นฐานต้องแน่น พยายามเรียนรู้วิธีใช้ วิธีพูดที่ถูกต้องตั้งแต่เริ่มเรียน ไม่ใช่ถูไถๆมั่วๆไป แล้วคิดว่าเดี๋ยวมันก็ถูกเอง เพราะมันจะไม่มีวันนั้นนะคะ ไหนๆเรียนแล้ว ก็เรียนให้มันถูกไปเลยไม่ดีกว่าหรอ ใช่ป่ะ? ถ้าคิดว่ามีแรงจะเรียนเองก็ซื้อหนังสือมาอ่าน แต่ถ้าไม่รู้จะเริ่มยังไง มืดจริงจังก็หาครูซะ อยากเก่งก็ต้องเข้าหาคนที่เขารู้จริงมั้ย? ถ้าหาครูไม่ได้ก็มาเรียนกับเค้าก็ได้ 555555555 เค้าไม่ได้สอนให้เอาไปทำข้อสอบ แต่สอนให้เอาไปใช้ได้ (และใส่แบบฝึกหัดอีกเป็นพันข้อ ทำทุกข้อแล้วจะทำข้อสอบได้ไปเอง 55) เค้าไม่ได้สอนแค่ในตำรา แต่จากประสบการณ์ดำดึกดำดึ๊ยของเค้าจากการไปอยู่ เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน และฝึกงานกระเตงอยู่หลายทวีป ถ้าคิดว่าตัวเองจะสู้กับการเรียนภาษาอังกฤษอย่างจริงจัง เค้าก็พร้อมจะสอนและช่วยอย่างสุดความสามารถ เค้าเข้าใจว่ามันยากและท้อ เพราะเค้าก็เคยเป็น แต่ถ้าเค้าทำได้ ทุกคนก็ทำได้
รายละเอียดคลิก
https://www.facebook.com/…/a.322054167918…/456251534499094/…
คอร์สเค้าจุดประสงค์ตอนเขียนหนังสือและเปิดมาไม่ได้ที่จะทำมาเพื่อการสอบโทอิคแต่เพื่อให้คนเรียนเรียนภาษาอังกฤษแล้วเอาไปใช้จริงได้ รู้จริง และไม่ลืม แต่มีนักเรียนมาถามเยอะมาก และเนื้อหาเค้าครอบคลุมเนื้อหาโทอิคทั้งหมด และเพื่อนักเรียนที่อยากฝึกทำข้อสอบ เค้าเลยใส่เฉลยข้อสอบโทอิคอย่างละเอียดทุกข้อเพิ่มเข้าไปในคอร์สด้วย (win win เนอะ) และเค้าก็ปสอบโทอิคสนามจริง เพื่อไปดูว่าข้อสอบมันไปถึงไหนแล้ว จะได้เอามาจ้อ มาเม้าถูก
📌📌📌โปรโมชั่น!📌📌📌
📌📌📌 เดือนกุมภาเป็นเดือนที่เค้าเปิดคอร์สครั้งแรกเมื่อปีที่แล้ว เค้าเลยจัดโปรสักหน่อย สมัครคอร์ส Basic1 + คอร์ส Daily life พร้อมกัน จาก 6500 บาท เค้าลดให้เหลือ 6000 บาท พร้อมกับแถมสมุดคำศัพท์ให้ฟรี 3 เล่ม และเพิ่มเวลาเรียนจาก 10 เดือนเป็น 1 ปี นะคะ (ดูจนเกลียดหน้าเค้าเลยทีเดียวอะ 55)
สมัครแยกคอร์สเดียวก็ได้นะ เค้าก็แถมสมุดคำศัพท์ให้ฟรี 1 เล่มน้า
👉 Basic1 เหมาะกับคนพื้นฐานไม่ดี ปูพื้นฐานให้ใหม่หมด และคนที่จะไปสอบ TOEIC ราคา 3500 บาท 50 ชม.
👉 YooYee Daily life เหมาะสำหรับคนพื้นฐานโอเคแล้ว แต่อยากเอาไปใช้ อยากดูหนังฟังเพลงรู้เรื่อง และอยากเพิ่มคลังศัพท์ ราคา 3000 บาท 40 ชม.)
ถึง 28 กุมภาพันธ์ นี้เท่านั้นนะตัว
inbox มาสอบถาม + สมัครได้เลยน้า
รัก
ยู่ยี่ (YooYeeschannel)
i would like synonym 在 What's a professional synonym for "would love to"? 的推薦與評價
My verb of choice would be appreciate. It conveys all aspects you want to express: a polite request, valuing the other party's time and ... ... <看更多>