8 มหาเศรษฐี ที่สร้างตัวจากธุรกิจ “คาสิโน”
.
คาสิโน บ่อน การพนัน หากพูดในไทยมันคือหนึ่งในธุรกิจผิดกฎหมาย แต่ถ้ามองในมุมของต่างประเทศ ในหลายๆ ประเทศอย่าง สหรัฐอเมริกา มาเก๊า สิงคโปร์ ออสเตรเลีย ฝรั่งเศส สวีเดน สหราชอาณาจักร มันกลับเป็นธุรกิจถูกกฎหมายที่สร้างรายได้เข้าประเทศเป็นมูลค่ามหาศาล ถึงขั้นที่ว่า สามารถทำให้เจ้าของคาสิโนร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐีโด่งดังระดับโลกได้เลยทีเดียว จะมีใครบ้างไปดูกัน!
.
1.Sheldon Adelson มูลค่าทรัพย์สิน 39.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1.23 ล้านล้านบาท
มหาเศรษฐีขาวอเมริกัน เจ้าพ่อแห่งคาสิโน เป็นเจ้าของธุรกิจ Sands Hotel & Casino โรงแรมคาสิโนที่ใหญ่ที่สุดในโลก ใน 3 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา มาเก๊า และสิงคโปร์
ก่อนที่เขาจะเดินเข้าสู่เส้นทางธุรกิจคาสิโน เขาเริ่มทำงานหารายได้เองตั้งแต่เด็ก ด้วยการยืนขายหนังสือพิมพ์ตามท้องถนน แม้เรียนไม่จบ แต่เขาสนใจการทำธุรกิจและผ่านงานหลายอย่าง เช่น โดยเฉพาะการเงิน
.
ธุรกิจแรกที่ทำให้เขาก้าวสู่การเป็นมหาเศรษฐี คือ การจัดนิทรรศการงานแสดงสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในเมืองลาสเวกัส เมื่อเริ่มร่ำรวย จึงซื้อโรงแรมควบคู่กับบ่อนคาสิโน ในราคา 128 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 3.9 พันล้านบาท แล้วเขาก็ได้ขยายอาณาจักรของเขาให้ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนเป็นธุรกิจที่มีมูลค่า 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 4.3 แสนล้านบาท แต่ปัจจุบันเขาได้เสียชีวิตไปแล้วเมื่อต้นปีที่ผ่านมา เหลือเพียงแค่ตำนานเจ้าพ่อแห่งคาสิโนเท่านั้น
.
2. Lui Che Woo มูลค่าทรัพย์สิน 14.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 4.4 แสนล้านบาท
เจ้าพ่อคาสิโนแห่งเอเชีย เจ้าของธุรกิจ Galaxy Entertainment แม้จะเป็นชาวจีนกวางตุ้งแต่กำเนิด แต่อาณาจักรคาสิโนของเขากว้างขวางและมีอยู่หลายแห่งในมาเก๊า เขาเริ่มต้นจาการเป็นเพียงผู้จัดหาวัสดุก่อสร้าง และต่อมาได้ผันตัวเข้าสู่ธุรกิจคาสิโน การก่อสร้างอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจโรงแรม
.
จนถึงปัจจุบันธุรกิจเหล่านี้ก็ยังคงสร้างเงินทอง ความมั่งคั่งให้กับเขาและครอบครัวอย่างไม่ขาดสาย เขาย้ำเสมอว่า “หากคุณไม่กล้าเสี่ยง คุณก็จะทำอะไรไม่ได้เลย” เรียกได้ว่าสิ่งที่ทำให้เขาร่ำรวยมากขนาดนี้ไม่ได้เป็นเพราะโชคช่วย แต่เป็นเพราะความพยายามต่อสู้กับสารพัดอุปสรรคที่ประดังหน้าเข้ามาหาเขา
.
3. Pansy Ho มูลค่าทรัพย์สิน 3.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1.1 แสนล้านบาท
ลูกสาวของ Stanley Ho นักลงทุนคาสิโนชื่อดังในมาเก๊า เธอเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน MGM China นอกจากนี้เธอยังเป็นประธานบริษัท Shun Tak Holdings บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ฮ่องกงและมาเก๊า ครอบคลุมตั้งแต่ โรงแรม เรือเฟอร์รี่ รวมถึงการให้บริการเรือข้ามฟากระหว่างฮ่องกงและมาเก๊า ซึ่งครั้งหนึ่งเธอเคยถูกจัดอันดับให้มหาเศรษฐีหญิงที่ร่ำรวยที่สุดในฮ่องกง แต่ปัจจุบันเธอถูกจัดให้เป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในฮ่องกง เป็นอันดับที่ 25 จากทั้งหมด 50 อันดับ
.
4.Phil Ruffin มูลค่าทรัพย์สิน 3.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1 แสนล้านบาท
ซึ่งเขาไม่ใช่แค่เป็นเจ้าของธุรกิจโรงแรมและคาสิโน Treasure Island Hotel & Casino แต่เขายังเป็นเพื่อนกับอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ และเป็นหุ้นส่วนในโรงแรม Trump International Las Vegas hotel อีกด้วย
.
จุดเริ่มต้นของเขา เริ่มจากการที่เขาลาออกจากมหาวิทยาลัย เพื่อมาขายแฮมเบอร์เกอรืกับเพื่อนๆ จากนั้นเขาก็ค่อยๆ เก็บเงินซื้อร้านสะดวก สำนักงานโรงแรม และห้างสรรพสินค้า เมื่อมูลค่าทรัพย์สินของเขาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เขาก็เริ่มซื้อโรงแรมและคาสิโนมากขึ้นด้วย โดยความสำเร็จทางธุรกิจที่โดดเด่นที่สุดของเขา ก็คือ การซื้อ New Frontier Hotel & Casino ในราคา 165 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 1998 และในปี 2007 เขาขายมันในราคาสูงถึง 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แล้วจากนั้นเขาจึงนำเงินสดบางส่วนของเขามาซื้อธุรกิจคาสิโน Treasure Island และเป็นเจ้าของมันมาจนถึงปัจจุบัน
.
5.James Packer มูลค่าทรัพย์สิน 3.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 9.8 หมื่นล้านบาท
เขาคือผู้ก่อตั้งและอดีตผู้บริหารของ Crown Resorts คาสิโนที่ใหญ่ที่สุดในออสเตรเลีย ซึ่งครั้งหนึ่งเขาเคยถูกจัดให้เป็นมหาเศรษฐีอันดับ 1 ของออสเตรเลีย แต่หลังจากที่เขาตัดสินใจลาออกจากบอร์ดบริหารเมื่อปี 2018 เนื่องจากมีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพจิต และต้องการให้ชีวิตกลับเข้าลู่เข้าทาง ละทิ้งหน้าที่ที่เต็มไปด้วยความกดดัน แล้วหันมาเพิ่มความสัมพันธ์กับครอบครัวและลูกๆ
.
ซึ่งหลังจากที่เขาประกาศขายหุ้นบางส่วนไป ส่งผลให้เขามีทรัพย์สินน้อยลง แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ที่สุดในคาสิโนนี้ โดยรายงานประจำปี 2019 ของ Crown Resorts ระบุว่า Packer ได้รับการจดทะเบียนเป็นหุ้นรักษา 249.25 ล้านหุ้น สำหรับตำแหน่งความเป็นเจ้าของ 36.81% ในบริษัท
.
6.Steve Wynn มูลค่าทรัพย์สิน 3.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 9.5 หมื่นล้านบาท
เจ้าพ่อแห่งคาสิโนระดับไฮเอนด์ เจ้าของ Wynn Resorts หนึ่งในคาสิโนที่มีชื่อเสียงที่สุดในลาสเวกัส โดยเขาคลุกคลีอยู่ในแวดวงธุรกิจคาสิโน การพนันมาตั้งแต่ปี 1967 แล้วยังเป็นนักลงทุนในธุรกิจอื่นๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Bellagio, Wynn Las Vegas, The Mirage และ Treasure Island นับว่าเป็นบุคคลหนึ่งที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับนักลงทุนหลายคน รวมถึง “Sheldon Adelson” ด้วย
.
โดยจุดเริ่มต้นการลงทุนทำธุรกิจของเขา เริ่มขึ้นเมื่อตอนเขาอายุ 15 ปี กับการขี่จักรยานแจกจ่ายไอศกรีมให้คนทั่วไป และต่อมาเขามีโอกาสได้สืบทอดธุรกิจบิงโกของพ่อที่กำลังล้มเหลว แล้วสามารถกอบกู้มันขึ้นมาใหม่จนกลายเป็นคาสิโนชื่อดัง ซึ่งตั้งแต่นั้นมา เขาก็สร้างความมั่งคั่งให้ตัวเองและธุรกิจคาสิโนของเขามากขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นหนึ่งในเจ้าของคาสิโนที่ร่ำรวยที่สุดในโลก แต่ต่อมาเขาก็ได้ลาออกจากตำแหน่ง พร้อมกับขายหุ้นทั้งหมดไป ท่ามกลางข่าวฉาวเกี่ยวกับความประพฤติผิดทางเพศ
.
7.Elaine Wynn มูลค่าทรัพย์สิน 1.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 5.5 หมื่นล้านบาท
Elaine Wynn ได้รับการขนานนามว่าเป็น “ราชินีแห่งลาสเวกัส” เธอกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ที่สุดใน Wynn Resorts หลังจากที่ Steve อดีตสามีและผู้ร่วมก่อตั้งธุรกิจคาสิโน ถอนตัวออกจากตำแหน่งทั้งหมดและก้าวลงจากตำแหน่ง CEO โดยเมื่อเธอได้เป็นผู้บริหารอย่างเต็มตัว ได้ทำการยกระดับ Wynn Resorts ให้สูงขึ้นอีกขั้น พร้อมกับมีการบังคับให้ผู้บริหารที่ทำงานมาอย่างยาวนานและภักดีกับอดีตสามีของเธอลาออกจากตำแหน่ง
.
แต่เมื่อปี 2019 เธอ และบรรดาผู้บริหาร Wynn Resorts ได้ถูกสอบปากคำเรื่องที่ บริษัทปกปิดข้อกล่าวหาจากพนักงานเป็นเวลาหลายปีว่า Steve มีความประพฤติผิดทางเพศ โดยไต่สวนเป็นเวลา 3 วันเพื่อขุดคุ้ยวัฒนธรรมองค์กรอันเลวร้ายของ Wynn Resorts ตลอดจนการปกป้อง Steve และได้มีการปรับเงินบริษัท 35 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โทษฐานที่บริหารจัดการข้อกล่าวหาของพนักงานด้วยวิธีการผิดๆ แต่ยังให้ถือใบอนุญาตดำเนินธุรกิจกาสิโนมูลค่า 2.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในบอสตัน
.
8.Lorenzo Fertitta มูลค่าทรัพย์สิน 1.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 5.2 หมื่นล้านบาท
เขาคือผู้ประกอบการ นักลงทุนผู้ใจบุญชาวอเมริกัน โดยเขาร่วมกับ Frank Fertitta ในการทำธุรกิจคาสิโน Red Rock Resorts ธุรกิจครอบครัวที่พ่อสร้างขึ้น ซึ่งมันเติบโตและขยายกิจการออกไปกว่า 20 คาสิโน 2 รัฐในสหรัฐอเมริกาอและในช่วงปี 2016 ธุรกิจคาสิโนของครอบครัวเขาก็สามารถระดมทุนกว่า 531.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐในการเสนอขายหุ้น IPO
.
แต่ก่อนที่จะมาทำธุรกิจคาสิโน Red Rock Resorts สิ่งที่ทำให้เขาร่ำรวยคือ การลงทุนร่วมกับน้องชายในการจัดตั้ง Zuffa, LLC เพื่อซื้อทรัพย์สินของ Ultimate Fighting Championship (UFC) ผู้ให้บริการศิลปะการต่อสู้แบบผสมจากบริษัทแม่ ในราคา 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ]หลังจากนั้นเขาก็ทำงานอย่างหนัก เพื่อจัดตั้งกฎการรวมสำหรับการแข่งขัน MMA ทั่วประเทศ ยิ่งไปกว่านั้นเขายังมีส่วนร่วมในการสนับสนุนการศึกษาและการกีฬา ด้วยการระดมทุนเพื่อผู้ด้อยโอกาส รวมถึงยังทำงานให้กับทหารผ่านศึก และมีส่วนร่วมกับองค์กรต่าง ๆ ที่สนับสนุนครอบครัวของทหารผ่านศึกที่บาดเจ็บสาหัสหรือเสียชีวิต
.
อย่างไรก็ตาม จากความร่ำรวยของพวกเขาเหล่านี้ เชื่อว่าต้องมีบางคนแอบคิดว่า อยากให้มีคาสิโนในบ้านเราบ้าง เพราะจะได้สร้างเม็ดเงินมหาศาลเข้าประเทศ ซึ่งแน่นอนคาสิโนคือธุรกิจที่จะช่วยให้เกิดการลงทุน การจ้างงาน รวมถึงช่วยเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวให้เข้าประเทศมากขึ้น แต่อย่าลืมว่ามันก็สามารถสร้างผลกระทบทางสังคมที่สูงด้วยเช่นกันหากเรายังไม่มีกลไกหรือการรับมือที่ดีพอ ต่อให้อยากมีธุรกิจคาสิโนในประเทศมากเท่าไหร่ ก็ไม่มีทางเป็นไปได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไรที่เราจะนำประเด็นนี้มาถกเถียงและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันว่าสุดท้ายแล้ว เมื่อธุรกิจคาสิโนถูกกฎหมาย ระหว่างผลดีและผลเสียอะไรจะมีมากกว่ากัน ?
.
ที่มา : https://www.entrepreneurshiplife.com/8-billionaire-casino-owners-in-2020/
https://www.forbes.com/profile/james-packer/?sh=37ef64036de5
https://www.forbes.com/profile/phil-ruffin/?sh=1bd7559b7ec4
https://www.forbes.com/profile/pansy-ho/?sh=5f3949dd7276
https://www.forbes.com/profile/elaine-wynn/?sh=189139d8333e
https://www.forbes.com/profile/lorenzo-fertitta/?sh=3e63627463d1
.
#อายุน้อยร้อยล้าน #ryounoi100lan
#อายุน้อยร้อยล้านNEWS
#มหาเศรษฐี #ธุรกิจคาสิโน #มาเก๊า #SheldonAdelson #LuiCheWoo #PansyHo #PhilRuffin #JamesPacker #SteveWynn #ElaineWynn #LorenzoFertitta #เจ้าพ่อแห่งคาสิโน
同時也有10000部Youtube影片,追蹤數超過2,910的網紅コバにゃんチャンネル,也在其Youtube影片中提到,...
sheldon adelson hotel 在 ลงทุนแมน Facebook 的最佳貼文
เชลดอน ผู้เป็นเจ้าของแค่ 9 โรงแรม แต่เป็นเครือโรงแรมที่ ใหญ่สุดในโลก /โดย ลงทุนแมน
“เชลดอน แอเดิลเซิน” เพิ่งเสียชีวิตเมื่อวานนี้ ด้วยอายุ 87 ปี
เขาเป็น นักธุรกิจชาวอเมริกัน ที่เป็นเจ้าของเพียง 9 โรงแรมทั่วโลก
แต่ทำไมเครือโรงแรมของเขา กลับกลายเป็นเครือโรงแรมที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก
อะไร ที่ทำให้เป็นแบบนั้น?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
คุณเชลดอน เริ่มต้นชีวิตนักธุรกิจจากขายอุปกรณ์สุขภัณฑ์ และธุรกิจนายหน้า และให้คำปรึกษาเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์
ต่อมาเขาก็ได้ขยายธุรกิจ จัดทำบริษัทรับจัดงานซื้อขายคอมพิวเตอร์
ในระหว่างการจัดงานซื้อขายคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์เทคโนโลยี
สิ่งที่เขาจำเป็นต้องมีก็คือ พื้นที่ในการขายของ หรือสถานที่ในการจัดงานเทรดโชว์
ซึ่งงานที่สร้างเทรนโชว์ที่สร้างชื่อเสียงให้กับเขา มีชื่อว่า Computer Dealers Expo (COMDEX) โดยงานนี้จะถูกจัดที่ MGM Grand Hotel ในลาสเวกัส
หลังจากประสบความสำเร็จในครั้งนั้น ทำให้เขาก็เริ่มคิดว่าแทนที่เขาจะต้องไปเสียค่าเช่าพื้นที่จัดงานเทรดโชว์เป็นประจำ ทำไมถึงไม่ซื้อโรงแรมขนาดใหญ่ ที่มีพื้นจัดงานกว้างขวางซะเองเลยละ..
จนในปี 1989 เขาได้มีโอกาสเข้าไปดูพื้นที่ของโรงแรม Sands Casino ที่ลาสเวกัส และก็ได้ตัดสินใจเข้าซื้อโรงแรมแห่งนี้ ในมูลค่าที่สูงถึง 3,800 ล้านบาท
กล่าวได้ว่า นี่คือจุดเริ่มต้นสำคัญของบริษัท Las Vegas Sands ที่จะกลายเป็นอาณาจักรของที่ยิ่งใหญ่ของเขาในเวลาต่อมา
ลาสเวกัส ถือเป็นเมืองที่เรารู้จักกันดี ในฐานะเมืองกาสิโน ใหญ่ที่สุดในโลก
ซึ่งในเวลาต่อมา คุณเชลดอนก็ได้ทำการสร้างแบรนด์โรงแรมกาสิโน กับคอนเซปต์ของโรงแรมที่ไม่มีกลางคืนชื่อว่า “The Venetian” ขึ้นมา
ซึ่งคอนเซปต์ดังกล่าว มีที่มาจากการที่เขาไปเที่ยวเมืองเวนิส ประเทศอิตาลี กับภรรยา
และชื่นชอบใน สายน้ำ และแสงแดดที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย
เขาจึงมีความคิดที่ว่า ท้องฟ้ายามกลางวันแบบนี้ จะทำให้นักลงทุนที่มาใช้บริการกาสิโนรู้สึกผ่อนคลาย และ สดชื่นตลอดเวลา จึงอยากจะกลับลงไปลงทุนต่อนั่นเอง
โรงแรม The Venetian แห่งแรกได้ถูกก่อตั้งในปี 1999 หรือราว 20 ปีที่แล้ว ที่เมือง ลาสเวกัส สหรัฐอเมริกา
ก่อนที่จะขยายไปยังประเทศอื่น ๆ
โดยหนึ่งในโรงแรม The Venetian ที่โด่งดังที่สุดอยู่ในเขตปกครองพิเศษของจีน อย่างมาเก๊า
The Venetian Macao ก่อตั้งขึ้นในปี 2007 และได้ถูกจัดอันดับว่าเป็นโรงแรมกาสิโนที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของโลก
เรื่องนี้ไม่ได้ทำให้บริษัท Las Vegas Sands หยุดการพัฒนาอยู่เพียงแค่นั้น แต่บริษัทยังได้ทุ่มทุนสร้างโรงแรมในลักษณะกาสิโนออกมาอีกมากมายในมาเก๊า
หรือพูดง่ายๆ คือ หากคุณอยากก้าวเท้าออกไปจาก The Venetian Macao เพื่อต้องการเปลี่ยนสถานที่เล่น และหลีกหนีความหนาแน่นของผู้คน
คุณจะเจอโรงแรมกาสิโนชื่อดังในระแวกข้างเคียง เช่น The Parisian และ The Plaza และถ้าคุณเข้าไปใช้บริการ มันก็จะเสมือนกับเงินในมือของคุณ จะวิ่งจากกระเป๋าซ้าย เข้าสู่กระเป๋าขวา ของบริษัท Las Vegas Sands อยู่ดี
ลองมาดูกันว่าผลประกอบการของ Las Vegas Sands ที่ผ่านมา เป็นอย่างไร?
ปี 2017 มีรายได้ 382,985 ล้านบาท กำไร 98,177 ล้านบาท
ปี 2018 มีรายได้ 413,105 ล้านบาท กำไร 88,789 ล้านบาท
ปี 2019 มีรายได้ 413,406 ล้านบาท กำไร 99,410 ล้านบาท
โดยส่วนแบ่งรายได้มีดังนี้
71% มาจากกาสิโน ภายในโรงแรม
13% มาจากค่าห้องพัก
10% มาจากห้างสรรพสินค้า ภายในโรงแรม
6% มาจากอาหาร และเครื่องดื่ม
บริษัท Las Vegas Sands มีโรงแรมทั้งหมดเพียงแค่ 9 แห่ง คิดเป็นจำนวนห้องพัก 7,100 ห้อง ทั่วโลก
ซึ่งปัจจุบัน Las Vegas Sands มีมูลค่าประมาณ 1.3 ล้านล้านบาท
มีมูลค่ามากกว่า Marriott International ที่มีจำนวนโรงแรมมากถึง 6,900 แห่ง
และมีห้องพักอยู่มากถึง 1,300,000 ห้อง
จากตรงนี้ จะเห็นได้ว่า Las Vegas Sands มีรายส่วนแบ่งรายได้จาก กาสิโน เป็นช่องทางหลัก
และโมเดลการดำเนินธุรกิจ ก็ไม่ได้เหมือนกับเชนโรงแรมอื่น ที่เน้นการขยายกิจการในรูปแบบ แฟรนไชส์ ซึ่งจะมีการรับบริหารโรงแรม
แม้ว่า Las Vegas Sands เป็นเชนโรงแรมที่ประสบความสำเร็จ
แต่ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าวิกฤติโรคระบาดในช่วงนี้
ได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อธุรกิจโรงแรมทุกแห่งบนโลก
แต่หุ้นของบริษัท Las Vegas Sands ก็ลดลงกว่าช่วงก่อนหน้าวิกฤติโรคระบาดเพียง 17%
นั่นก็เป็นเพราะ การเสี่ยงโชคอาจเป็นหนึ่งในดีเอ็นเอของมนุษย์
และเมื่อวิกฤติผ่านพ้นไป โลกก็จะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ
เครือโรงแรมของ Las Vegas Sands ก็น่าจะเป็นจุดหมายปลายทางอันดับต้น ๆ ของใครหลายคนอีกครั้ง..
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
เมื่อวานนี้ (วันที่ 12 มกราคม 2564) คุณเชลดอน แอเดิลเซิน เพิ่งเสียชีวิตลงด้วยอายุ 87 ปี
เขาเกิดในครอบครัวที่พ่อเป็นคนขับแท็กซี่ และคุณแม่เปิดร้านเย็บผ้า ในขณะที่ตัวเขาเอง ไม่ได้เรียนจบมหาวิทยาลัย แต่ค่อยๆสร้างกิจการของเขาขึ้นมา
ในวันที่เขาเสียชีวิต คุณเชลดอน มีทรัพย์สินมูลค่า มากถึง 1.1 ล้านล้านบาท และเป็นเศรษฐีอันดับที่ 38 ของโลก..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://en.wikipedia.org/wiki/Las_Vegas_Sands
-https://www.sands.com/
-https://investor.sands.com/financial-reports/Annual-Reports/default.aspx
-https://s21.q4cdn.com/635845646/files/doc_financials/2019/annual/LVS-2020-Proxy-Statement.pdf
-https://s21.q4cdn.com/635845646/files/doc_financials/2019/annual/LVS-2019-Annual-Report.pdf
-https://www.forbes.com/sites/jemimamcevoy/2021/01/12/sheldon-adelson-casino-magnate-and-major-gop-donor-dead-at-87/?utm_campaign=forbes&utm_source=facebook&utm_medium=social&utm_term=Gordie&sh=72e8672f563b
-https://www.bloomberg.com/news/articles/2021-01-12/sheldon-adelson-who-brought-vegas-casinos-to-china-dies-at-87